Wednesday, June 20, 2007

"เพราะเราคู่ กัน "
เราได้ยินเสียงที่ชัดเจนเพระเรามีหูสองข้างที่อยู่คนละข้างแต่เป็นหู คู่
เราสามารถมองเห็นได้กว้างไกลและชัดเจนเพราะเรามี ตาคู่หนึ่งที่อยู่กับแต่ไม่มีวันบรรจบกัน
เราเดินและทรงตัวได้ดีเพราะเรามีเท้าคู่หนึ่งที่ แข็งแรงคอยพาเราไป
เราสามารถจับและถือสิ่งของได้เพราะเรามีมือสอง ข้างคู่หนึ่งที่ร่วมมือกับที่
ไฟฟ้าทำงานได้เพราะมีขั่วบวกและขั่วลบ ที่ต้องทำ งานกันเป็นคู่
นกบินได้เพราะนกมีบินสองข้างคู่ หนึ่ง
เราสามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้เพราะโลกสร้างผู้หญิง มาเป็นคู่ผู้ชาย
โลกสว่างสดใสเพราะมีพระอาทิตย์คู่กับกลาง วัน
ท้องฟ้าสวยสว่างไสวเปล่งประกายเพราะมีดวงดาวคู่ กับกลางคืน
สิ่งเหล่านี้จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้ เพราะ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เป็นของคู่กันตรานนานเท่านาน...
ถ้ามันพูดได้ก็คงอยากจะพูด กับเราว่า "เพราะเราคู่ กัน "
"ยิ่งนาน ยิ่งรัก"

ยิ่งนานยิ่งรัก เกิดขึ้นได้พอๆกับ ยิ่งนานยิ่งไม่รัก
การดูแลความสัมพันธ์ เหมือนการกำทราย
กำแน่นไป ทรายก็ร่วงออกจากมือหมด
กำเบาไปทรายก็ไม่อยู่ในมืออยู่ดี

เวลาผ่านไป ใช้ชีวิตอย่างธรรมชาติให้มากขึ้น
เมื่อไหร่รู้สึกเหนื่อย ดีใจเถอะที่เหนื่อยเป็น
จะได้รู้สึกว่าควรพักซะที เหมือนคนที่ป่วยเป็น
แสดงว่าเราใช้ร่างกายมากเกินไปแล้ว ถ้าไม่ป่วยซะบ้างเลย
เราจะไม่รู้ว่าควรถนอมร่างกายได้หรือยัง

การรักคนอื่นก็คือ การรักตัวเองอีกแบบหนึ่ง
อยู่คนเดียวเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักตัวเองรึเปล่า
พอเริ่มรักใครซักคน
สิ่งที่ไม่เคยทำก็ทำ ไม่เคยหวานขนาดนี้ก็หวาน
ทำทุกอย่างที่จะรักษาคนที่เรารัก ให้อยู่กับเรานาน ๆ
เพราะอะไร…เพราะรักตัวเองและกลัวตัวเองเสียใจ

ความรักเป็นเรื่องของคน 2 คน มีความสุขทั้ง 2 คน
อย่าให้คนหนึ่งมีความสุข ในขณะที่อีกคนหนึ่งพยายาม
อย่าให้คนหนึ่งเสียใจ ในขณะที่อีกคนไม่รู้ตัว

Thursday, June 07, 2007

แต่งหน้าง่าย ๆ สไตล์มืออาชีพ แบบ ชู อูเอมูระ

ด้วยความเป็นผู้นำด้านการผสมผสานศิลปะโลกตะวันออกเข้ากับเทคนิคการแต่งหน้า ทีมงานของชู อูเอมูระ จึงเปี่ยมไปด้วยมุมมองในศิลปะที่สร้างสรรค์ได้อย่างไม่สิ้นสุด เป็นผลงานผ่านเครื่องสำอางและสกินแคร์ชั้นยอด สู่ความพึงพอใจในแบบเฉพาะตัวของทุก ๆ คนที่ได้รับคำแนะนำจากทีมงานของชู อูเอมูระ


Discovery หลักสูตรล่าสุด นัยถึงการค้นพบความงามในแบบของตัวเอง ที่โดดเด่นและอยู่ในโลกของความเป็นจริง ที่ให้ความสำคัญกับผิวสุขภาพดี ตั้งแต่ขั้นตอนของการเตรียมผิวที่ละเอียดอ่อนสำหรับทุกสภาพผิว ทำความสะอาด เตรียมผิว คืนความชุ่มชื้น และปกป้อง ก่อนการแต่งหน้า เพื่อสร้างเกราะป้องกันมลภาวะให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใสจากภายใน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการแต้มสีเติมสันให้ความสดใสกับใบหน้า

โดยชู อูเอมูระ นำเสนอเทคนิคการแต่งหน้า ที่ง่ายและเหมาะกับผู้หญิงทุกคนใน 2 ขั้นตอน โดยเริ่มที่...

1. Base Make Up - เตรียมผิวให้นวลเนียนกระจ่างใส เป็นขั้นตอนที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเมื่อผิวเรียบเนียนแล้ว การแต่งแต้มสีก็เป็นเรื่องง่าย โดยในขั้นตอนนี้ ชู อูเอมูระ เมคอัพโปร แนะนำเราว่า ควรเลือกปกปิดริ้วรอยใต้ตาด้วยคอนซีลเลอร์ เป็นอันดับแรก โดยไม่ควรเลือกเฉดสีที่อ่อนกว่าความเป็นจริง เพราะจะทำให้รอยคล้ำใต้ตา กลายเป็นสีเทาแทนที่จะเป็นสีผิว และในการลงคอนซีลเลอร์ ให้ใช้นิ้วนางกดแต้มอย่างเบามือ ทั่วบริเวณที่หมองคล้ำ แล้วลงแป้งฝุ่นเบา ๆ เซ็ทคอนซีลเลอร์ให้ปกปิดริ้วรอยอย่างมั่นใจ จากนั้นจึงเริ่มลงรองพื้น โดยให้เลือกสีที่ใกล้เคียงกับผิวมากที่สุด และในขั้นตอนการลงให้เริ่มจากบริเวณกึ่งกลางใบหน้า ตั้งแต่จมูก ไล้ออกด้านข้างอย่างเบามือ และจบด้วยการปัดแป้งฝุ่นเบา ๆ ให้ผิวไม่ดูหนาหนักจนเกินไป เป็นการจบขั้นตอนเตรียมผิวก่อนการลงสีสัน

2. Point Make Up - ในขั้นตอนการลงสีสันแบบของ ชู อูเอมูระ จะให้ความสำคัญกับแต่ละจุดบนใบหน้าเท่า ๆ กัน ไม่มากไปหรือน้อยไปในแต่ละส่วน เพื่อให้ใบหน้าดูสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ


เปลือกตา - เคล็ดลับง่าย ๆ เพื่อดวงตาสดใส ชู อูเอมูระ เมคอัพโปรแนะนำเราว่า การลงสีรองพื้นด้วยอายชาโดว์อย่างสีงาช้าง หรือสีชมพูอ่อน จะเหมาะกับผิวของคนไทย ซึ่งจะช่วยให้การเล่นสีบริเวณเปลือกตามีความคมชัดและง่ายขึ้น โดยหากต้องการสีสันที่สดใสหรือแนบแน่นยิ่งขึ้นอาจเลือกใช้ Illuminizer ลักษณะเป็นเนื้อครีมบางเบา บริเวณเปลือกตาเพื่อช่วยในการจับเนื้อสีอายชาโดว์ให้ได้มากยิ่งขึ้น และไม่เป็นคราบระหว่างวัน

สีสัน - สำหรับร้อนนี้สีสันของเปลือกตา สามารถเล่นได้อย่างอิสระตั้งแต่สีโทนน้ำตาล หรือชมพูที่สาวไทยชอบ ไล่ไปจนถึงสีสดใสของธรรมชาติ อย่างฟ้าน้ำทะเล เขียวคราม ซึ่งเป็นได้ทั้งสีหลักและไฮไลท์ที่ช่วยสร้างมิติให้ดวงตา และนอกจากสีสันแล้ว การแก้ไขรูปตาถือเป็นเทคนิคสำคัญในการให้คำแนะนำของทีม ชู อูเอมูระเมคอัพโปร โดยปัญหาใหญ่ ๆ พบบ่อยคือหางตาตก เป็นเหตุของสีหน้าที่ไม่สดใสดูหมองเศร้า คำแนะนำง่าย ๆ คือ ในขั้นตอนการ เขียนไลเนอร์ด้วยอายแชโดว์ ให้เขียนให้ชิดขอบตาให้มากที่สุด และเมื่อถึงบริเวณหางตาให้ตวัดขึ้นเล็กน้อยและใช้พู่กันนุ่ม ๆ เบลนด์กระจายให้สีฟุ้ง ๆ เพื่อช่วยเปิดบริเวณหางตาให้สูงขึ้น สดใสขึ้น

คิ้ว - เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามในขั้นตอนการแต่งหน้า เพราะคิ้วทำหน้าที่เสมือนกรอบหน้าของเรา หากกรอบหน้ามีลักษณะแคบหรือตกลงใบหน้าก็จะดูหมองเศร้า หรือคิ้วหนาไปก็จะดูเข้ม ส่วนถ้าบางไปแน่นอน ใบหน้าก็จะดูโล้น ๆ ไม่สมดุล เทคนิคที่ง่ายที่สุดคือหวีและจัดแต่งคิ้วตามธรรมชาติให้ได้รูปเสียก่อน หากหนาไปให้ถอนออก หรือรับบริการแต่งรูปคิ้วได้ที่เคาน์เตอร์ชู อูเอมูระได้ทุกสาขา

พวงแก้ม - ให้เลือกสีสันที่เหมาะกับโทนผิว ถ้าผิวสีเข้มไม่ควรเลือกสีที่อ่อนบางจนเกินไปเพราะเมื่อปัดแล้วจะไม่เห็นสีของบลัชออน ควรเลือกสีที่เข้มขึ้นสักนิดและปัดเน้นบริเวณพวงแก้มบาง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ หรืออาจไล้บริเวณกรอบหน้าเพื่อให้ใบหน้ามีความคมชัดยิ่งขึ้น

เรียวปาก - สามารถเลือกได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อของลิปสติก รวมไปถึงสีสัน แต่เทคนิคง่าย ๆ ก่อนการแต่งเติมควรบำรุงและให้ความชุ่มชื้น กับเรียวปากอย่างเต็มที่เพื่อเรียวปากอิ่มสวย ทาลิปสติกสีอะไรก็สวย

เคล็ดลับง่าย ๆ ในแบบเฉพาะตัว เพื่อเสริมสร้างบุคลิก ผู้หญิงหนึ่งคน ความสวยในหนึ่งแบบ แต่ละคนมีแบบที่แตกต่างเหมาะสมเฉพาะตัว ลองค้นพบเทคนิคการแต่งหน้าที่เหมาะกับตัวเอง จากคำแนะนำของ ชู อูเอม ูระ เมคอัพโปร ได้ ณ เคาน์เตอร์ ชู อูเอมูระได้ทุกสาขา และ ชู อูเอมูระ บูติค สยามดิสคัฟเวอรี่
รักนะ…...ไม่ใช่เกมโชว์


สาวหน้ามน-เริ่มหิวละจะกินอะไรดี((น้ำเสียงปรกติ)) หนุ่มหน้าตี๋-ถ้าอย่างนั้นกิน MKกันไหมจ๊ะสาวหน้ามน-ไม่เอาเดี๋ยวหัวเหม็น ((น้ำเสียงแข็งเล็กน้อย)) หนุ่มหน้าตี๋-ถ้างั้นไปกินแม็คโดนัลกันไหมจ๊ะ สาวหน้ามน-ไม่เอาอาหารจังฟู๊ดแบบนั้นเดี๋ยวฉันก็อ้วนหรอก((เสียงแข็งมากขึ้น)) หนุ่มหน้าตี๋-งั้นไปกินข้าวมันไก่แถวประตูน้ำกันสาวหน้ามน-ว้ายยย ไม่เอา ร้อนก็ร้อน ฝุ่นก็ก็เยอะ ไม่กงไม่กินมันแล้ว ((สิ้นเสียงก็ลุกสะบัดตูดเดินหายไป))หนุ่มหน้าตี๋ -- ??????? บทสนทนานี้ได้ยินมากับหู ดูมากับตาที่มุมหนึ่งของเซ็นเตอร์พ้อยท์ ระหว่างตี๋แว่น กับสาวหมวย ตาโต ฟังแล้วก็รู้สึกสงส้านนนสงสารอาตี๋นั้นจริงๆ ที่ต้องมาเล่นเกมทายใจแบบไม่ตั้งตัว แถมยังทายผิดไปทุกข้ออีกต่างหาก บางทีถ้าน้องหมวยตาโตเฉลยมาตั้งแต่ต้น ก็คงไม่มีการทายผิดให้ไม่สบายใจกันแน่ๆ ผมเคยได้ยินมานะครับว่าสาวๆ เธอนะอยากให้แฟนของตัวเอง รู้ว่าเธอนั้นต้องการอะไร สิ่งใดที่เธออยากจะได้ แต่ประทานโทษครับผู้ชายนะครับ ไม่ได้เป็นหมอดูที่จะได้รู้ว่าคุณต้องการอะไรได้ตลอดเวลา((บางที่หมอดูใช่ว่าจะรู้จริงนะครับ)) ผู้ชายส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยทราบหรอกครับ ว่าคุณอยากไปดูหนังเรื่องใด ว่าคุณอยากกินอะไร ว่าคุณอยากจะซื้อรองเท้าสีไหน คุณอยากจะได้ดอกไม้ตอนไหน พวกเรานะอะไรก็ได้ ง่ายๆ ครับ กินข้างทางก็ได้ นอนเต๊นท์ก็ได้ นั่งริมฟุตบาธก็ได้ ซึ่งผู้ชายอย่างพวกผมน่ะค่อยไม่ชอบคิดซับซ้อนในเรื่องพวกนี้เท่าไร รักก็บอกว่ารัก ชอบก็บอกชอบ ถ้าอะไรที่ทำให้คนรักเราดีใจ พวกเราก็อยากทำให้อยู่แล้ว ขอแต่เพียงบอกมาแต่อย่ามาตั้ง 20 คำถามให้มันขุ่นเคืองเลยครับ ตอบถูกก็ดีไป ตอบผิดก็จะงอนกันไปซะเปล่าๆ แต่ถ้าคุณอยากจะเล่นก็ได้ แต่ขอเป็นนานๆ ครั้งก็พอให้ใจสดชื่น ไม่ใช่มีมาเล่นกันทุกวัน อะไรที่เกินความพอดีไปก็ไม่ไหวนะครับ เพราะรายการเกมโชว์นั้น ยังมีช่วงพักโฆษณาแถมสัปดาห์ละเทปเดียวเอง และถ้าคุณอยากจะเล่นละก็ กรุณาดูอารมณ์พวกเราด้วย ว่าช่วงนี้สามารถเล่นได้ไหม บางที่พวกเรานอนดึกเพราะเมื่อคืนดูบอล เช้าๆมาก็เบลอๆไปบ้าง จะมาเล่นเกมทายใจอย่างนี้ก็คงจะตกรอบแรกแน่ๆ และคุณก็อย่าเพิ่งบอกว่าทำไมพวกเราไม่พยายามล่ะ พวกเราก็อยากจะพยายามนะครับ เพราะถ้าบางครั้งพวกเราทายถูก คุณก็จะยิ้มแกมฉีกพวกเราก็ดีใจ แต่ถ้าทายผิดก็หน้างอกันไปตลอดวัน ซึ่งมันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพความรักสักเท่าไร คนเราน่ะคบกัน ก็อยากที่จะให้ความรักเจริญเติบโตไปในทางที่ดี แต่เมื่อทายผิดบ่อยๆ เข้าคุณอาจจะคิดไปว่าเขาไม่รักเราแล้ว เพราะเขาไม่รู้ใจเราเหมือนเดิม สิ่งเหล่านั้นมันก็จะตกตระกอนรวมกันและอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ภายในอนาคต นี่แหละครับคือสาเหตุที่พวกเราไม่ค่อยอยากเล่นเกมกันสักเท่าไร เพราะชีวิตรักไม่ใช่เกมโชว์นะครับ เอามาเล่นเป็นบ้างครั้งมันก็น่ารักดี แต่ถ้ามาเล่นบ่อยๆ ก็ไม่ไหวเพราะการเล่นเกมโชว์นั้น คนที่แพ้ก็ต้องตกรอบกันเป็นธรรมดา และถ้าคุณเล่นมากๆ เข้า และพวกเราก็ดันตกรอบกันตลอด ระวังนะครับเขาอาจจะเบื่อเกมนี้ แล้วออกจากรายการคุณไป โดยไม่ยอมรับแม้กระทั่งรางวัลปลอบใจก็เป็นได้
สมการความคิด

สมการ + ความคิด = การเริ่นต้น
การเริ่มต้น + ปลายทาง = การก้าวเดิน
การก้าวเดิน + ระยะทาง = การเรียนรู้
การเรียนรู้ + กาลเวลา = การเติบโต
การเติบโต + ความรู้สึก = ความรัก
ความรัก + การตามหา = การคาดหวัง
การคาดหวัง + ความผิดหวัง = ความทุกข์
ความทุกข์ + ความสุข = ความรัก
ความรัก + ความสมหวัง = ความสุข
ความสุข + การจากลา = ความเศร้า
ความเศร้า + ความห่วงใย = ความรัก
ความรัก + ความห่างไกล = ความคิดถึง
ความคิดถึง + กาลเวลา = ความเหงา
ความเหงา + ความห่วงใย = ความผูกพัน
ความผูกพัน + ความผูกพัน = คำสัญญา
คำสัญญา + กาลเวลา = ความเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลง + ความรัก = รอยน้ำตา
รอยน้ำตา + กาลเวลา = ความเข้มแข็ง
ความเข้มแข็ง + ความอ่อนโยน = จิตใจ
จิตใจ + ความรู้สึก = หัวใจ
หัวใจ + ความฝัน = โชคชะตา
โชคชะตา + กาลเวลา = ความจริง
ความจริง + ความเท็จ = มนุษย์
มนุษย์ + มนุษย์ = สังคม
สังคม + วัฒนธรรม = ประเทศ
ประเทศ + ประเทศ = โลก
โลก + จักรวาล = ระบบสุริยะ
ระบบสุริยะ + มนุษย์ = วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ + การค้นคว้า = เทคโนโลยี
เทคโนโลยี + พัฒนา = วัตถุนิยม
วัตถุนิยม + สังคม = ค่านิยม
ค่านิยม + มนุษย์ = ความต้องการ
ความต้องการ + ความโลภ = กิเลส
กิเลส + มนุษย์ = ความไม่สิ้นสุด
ความไม่สิ้นสุด + มนุษย์ = สัจธรรม
สัจธรรม + ชีวิต = เวียนว่ายตายเกิด
เวียนว่ายตายเกิด + ความเชื่อ = ศาสนา
ศาสนา + คำสั่งสอน = ความดี
ความดี + ความเลว = คน
คน + วัฒนธรรม = ภาษา
ขับไล่ความเบื่อ เพื่อรักกันใหม่
กลยุทธ์ 10 ประการล่อหลอกให้เขาสนใจคุณอีกครั้ง

1. รำลึกถึงอดีต ลองนึกดูสิว่า สิ่งที่พวกคุณเคยทำให้ต่างฝ่ายต่างรักกัน อย่างดูดดื่มนั้นคืออะไร แล้วนำเอาวิธีเก่าๆ นั้นแหละมาใช้

2. แสร้งเป็นมองเขาในฐานะคนรักใหม่ ไม่ใช่แค่คนรักเดิม เอมี ออสเตอร์ วัย 30 ปี อาศัยในนิวยอร์ก เล่าถึงวิธีที่ทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อสามีไปซะก่อน ด้วยการแยกห่างกันในบางเวลา โดยเฉพาะถ้าต้องออกงานสังคมด้วยกันละก็ เธอจะขอปลีกตัวไปคุยกับเพื่อนฝูง แล้วสังเกตเขาจากระยะไกล แกล้งทำเป็นว่าเราไม่รู้จักกัน หากคุณเห็นเขาทำให้หญิงอื่นหัวเราะขึ้นมาได้ คุณจะยิ่งตระหนักถึงเสน่ห์ในตัวเขามากขึ้น แต่อย่าเผลอคิดเป็นว่า เขาเจ้าชู้เสียก่อนล่ะ

3. ชวนเขาออกไปเที่ยว หมายถึงออกเดทของจริงเลยนะ ด้วยการหาเวลาว่างยามค่ำคืนใดสักคืนหนึ่ง แล้วโทรศัพท์ ไปจองโต๊ะตามโรงแรมหรูๆ หรือจะท่องเรือสำราญก็ตามสะดวก แต่อย่าลืมแล้วกันว่า ไปเที่ยวคืนนั้นควรไร้คนกวนใจอย่างสิ้นเชิง เครื่องมือสื่อสาร อย่าพกไปให้เกะกะ บรรดาเพื่อนนักจ้อจะได้ไม่โทร. มารังควาน เดี๋ยวหมดมู้ดกันพอดี

4. คิดถึงความทรงจำเก่าๆ ที่จะกระตุ้นให้หัวใจของคุณพองโตขึ้นอีกครั้ง แพทริเซีย ลาวิน วัย 41 แม่ลูก 6 เล่าว่า ความที่มีลูกมาก ปัจจุบันจึงรู้สึกว่า ความโรแมนติก สงสัยจะอยู่ในรถแวน เพราะต้องกระเตงสมาชิกทั้งครัวเรือน ไปไหนมาไหนพร้อมกันด้วยรถคันใหญ่ จนความโรแมนติกที่แท้จริง เหือดหายไปโดยไม่รู้ตัว กระทั่งวันหนึ่ง ไปค้นเจอจดหมายรักฉบับเก่าๆ ที่สามีเคยเขียนถึงสมัยวัยรุ่น เมื่ออ่านดูหลายประโยค สะท้อนให้ฉันเห็นคุณค่า (ที่ฉันแทบจะลืมไปแล้ว) ของตัวเอง และสามารถกระพือความรู้สึกอับเฉา แปลงสภาพมาเป็นความสุขอีกครั้ง ใครเคยได้เลิฟ เลตเตอร์ (love letter) แล้วฉีกทิ้งคงแย่แน่

5. นัดไปหวานกันใหม่ในโรงแรมชั้นดี ไม่ใช่ม่านรูด สังเกตเอาเถอะว่า ข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลายในโรงแรม จะกระตุ้นความเร่าร้อนต่อเกมรักขึ้นได้ การให้บริการของรูม เซอร์วิส, ผ้าขนหนูสีขาวที่แสนนุ่มและสะอาด หรือได้ค้างคืนในห้องที่คุณ ไม่ต้องลงมือทำความสะอาดด้วยตัวเอง... สิ่งเหล่านี้น่าหลงใหลตายชัก ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูแล้วจะรู้

6. มองคนรักด้วยแววปลื้ม แม้บางครั้งกลิ่นของเขาจะชวนให้รู้สึก อยากอาเจียนมากกว่าก็ตาม

7. อดกลั้นการมีเซ็กซ์ไว้จนกว่าจะทนบ่ได้ ถึงเวลานั้นการเมคเลิฟจะพิเศษกว่าที่ผ่านมา

8. สร้างความวาบหวิวเล็กๆ น้อยๆ เช่น ใส่แต่อันเดอร์แวร์ยามอยู่ด้วยกันตามลำพัง สองต่อสอง

9. ปล่อยความขี้เล่นของคุณออกมา เช่น ชวนกันไปเรียนลีลาศ แต่แยกเต้นรำกันคนละคู่ กระนั้นยังไม่วายส่งสายตาระยิบระยับให้กัน แสดงถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่น

10. เว้นช่วงไม่เจอกันตลอดสัปดาห์ของการทำงานดูบ้าง แล้ววันหยุดอย่าลืมชดเชยกันให้หนำใจ ให้คนรักอยู่ห่างเป็นบางวันอย่างนี้แหละดี พอเจออีกที คุณจะยิ่งอยากอยู่กับเขามากขึ้น อ้าว ถ้าเป็นงี้ คงต้องหาแฟนต่างสำนักงานแล้วมั้ง
จงฟังเสียงของความรัก…

หลายครั้งที่เราเขินอายไม่กล้าแสดงออกซึ่งรักที่เรามี เพราะกลัวจะทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นกระดากกระเดื่อง เราลังเลที่ จะพูดไปตรงๆ ว่า “ฉันรักเธอ” เราจึงพยายามสื่อความรู้สึกนี้ออก ไปด้วยคำอื่น เช่น “รักษาตัวดีๆนะ” หรือ “อย่าขับรถเร็วนัก” หรือ “โชคดีนะ” แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่วิธีต่างๆ ในการพูดว่า “ฉันรักเธอ” “เธอสำคัญต่อฉัน” “ฉันสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ” “ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ” คนเรานี้บางครั้งก็ประหลาด สิ่งเดียวที่เราอยากจะพูด และเป็นสิ่งที่ควรพูด เรากลับไม่พูดออกไป กระนั้น การที่เรารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ และอยากจะพูดออกไปมาก เป็นผลให้เราใช้คำหรือสัญญาณอื่นที่บอกว่าจริงๆ แล้วเราหมายถึงอะไร แต่หลายครั้งที่ความหมายเหล่านั้นสื่อไปไม่ถึง ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ต้องการ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องฟังเสียงของความรัก ในคำที่ผู้อื่นพูดกับเรา บางครั้งคำพูดที่ชัดแจ้งก็จำเป็น แต่บ่อยครั้งที่อากัปกิริยาในการพูดนั้นสำคัญยิ่งกว่าคำพูดเหน็บแนม ใส่ความรักและชื่นชอบไว้ในความรู้สึกซึ่งแสดงออกมาอย่างไม่จริงใจ การกอดเร็วๆ เป็นการบอกว่าฉันรักเธอ แม้ว่าคำที่พูดออกมาอาจเป็นอย่างอื่น การแสดงออกถึงความห่วงกังวลที่คนหนึ่งมีต่ออีกคนหนึ่งเป็นการบอกว่า ฉันรักเธอ แต่บางครั้งก็แสดงออกมาอย่างเงอะงะ หรือแม้แต่ดุร้าย บางครั้งเราก็ต้องตั้งใจมองและฟังมากๆ เพื่อรับรู้ความรักที่อยู่ภายใน มันมักจะอยู่ใต้ผิวที่คลุมอยู่ แม่อาจจะบ่นว่าลูกชายบ่อยๆเรื่องผลการเรียนหรือการทำความสะอาดห้อง ลูกชายอาจได้ยินแค่เสียงบ่น แต่ถ้าตั้งใจฟังดีๆ เขาจะได้ยินความรักซึ่งอยู่ใต้เสียงจุกจิกจู้จี้นั้น แม่ต้องการให้ลูกทำดี และประสบความสำเร็จ แต่น่าเสียดายที่ความห่วงใยและความรักลูกชายออกมาในรูปของการบ่นว่า... แต่อย่างไรมันก็คือความรัก ลูกสาวกลับบ้านช้ากว่าที่อนุญาต และพ่อมาดุแรงๆด้วยความโกรธ ลูกสาวอาจได้ยินแค่ความโกรธ แต่ถ้าตั้งใจฟังดีๆ จะได้ยินความรักที่อยู่ใต้ความโกรธนั้น พ่อกำลังพูดว่า “พ่อเป็นห่วงลูก เพราะพ่อใส่ใจลูก รักลูก ลูกสำคัญต่อพ่อ” เราบอกรักด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของขวัญวันเกิด กระดาษโน้ตใบเล็กๆ รอยยิ้ม และบางครั้งก็น้ำตา บางครั้งเราแสดงออกซึ่งความรักด้วยการนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรเลย แต่บางครั้งก็พูดออกมา ถึงขนาดห้วนๆ ก็มี บางครั้งเราแสดงความรักโดยไม่ได้ยั้งคิด.. หลายครั้งเราต้องแสดงความรัก.. ด้วยการยกโทษให้คนที่ไม่ได้ยินความรักที่เราพยายามส่งไป ปัญหาในการฟังเสียงของความรักคือ เราไม่ค่อยเข้าใจภาษาแห่งรักที่ผู้อื่นใช้ เด็กสาวอาจใช้น้ำตาหรือแสดงอารมณ์เพื่อบอกว่าเธออยากจะพูดอะไร แต่แฟนของเธออาจไม่เข้าใจ เพราะเขาคาดหวังให้เธอพูดภาษาเดียวกับเขา ดังนั้นเราจึงต้องบังคับตัวเองให้ตั้งใจฟังเสียงแห่งรัก ปัญหาใหญ่คือคนเราไม่ค่อยฟังกัน เราได้ยินคำพูด แต่เราไม่ฟังความหมายจริงๆของคำนั้น หรือไม่ดูการแสดงออกทางสีหน้า หรือบางครั้งเราก็ฟังเพื่อจะปฏิเสธและเข้าใจผิด เราไม่เห็นความรักที่อยู่ลึกลงไป แม้ว่าคำพูดที่ออกมาจะแสดงความโกรธก็เถอะ.. เราต้องฟังเสียงของความรักจากผู้คนรอบข้างบ้าง ถ้าฟังดีๆจะพบว่า.. เรามีคนรักมากกว่าที่คิด ฟังเสียงของความรักเถิด.. แล้วเราจะพบว่า.. โลกนี้น่าอยู่ยิ่งนัก ความรักคือสิ่งที่ให้ความสุข.. ทำให้เราหัวเราะ.. ทำให้เราร้องเพลง.. ทำให้เราเสียใจ.. ทำให้เราร้องไห้.. ทำให้เราหาเหตุผล.. ทำให้เราเป็นผู้รับ.. ทำให้เราเป็นผู้ให้.. นอกเหนือจากอะไรทั้งหมด .....ความรักทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ คนอื่นจะอยู่หรือไม่อยู่กับเราไม่ได้แตกต่างอะไรนัก เพราะเราไม่เห็นต้องรู้สึกว้าเหว่แม้จะอยู่คนเดียว บางครั้งมันก็ดีที่ได้อยู่คนเดียว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราโดดเดี่ยว.. การอยู่กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องสำคัญ การให้คนอื่นรู้ว่ามีเราอยู่ต่างหากที่สำคัญ ดังนั้น จำไว้ว่า ถ้าคุณรักใคร.. ก็บอกเขาไปเถิด พูดอย่างที่คุณต้องการ อย่ากลัวที่จะแสดงตัว ใช้โอกาสนี้บอกเขา.. ว่าเขามีความหมายต่อคุณเพียงใด อย่าปล่อยให้เวลาล่วงผ่านไป จะได้ไม่ต้องมาเสียใจ- สิ่งสำคัญที่สุดคือ อยู่ใกล้ๆ เพื่อนและครอบครัวของคุณ เพราะพวกเขาช่วยให้คุณเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ความแตกต่างระหว่างการแสดงความรักและการมานั่งเสียใจคือ... ความเสียใจอาจจะคงอยู่ไปตลอด ถ้าคุณอยากให้คนอื่นมีความสุข จงแสดงความรัก และถ้าคุณอยากมีความสุข ก็จงแสดงความรัก

Wednesday, June 06, 2007

*** มุกเพื่อเธอ ***
นอกจากรักเธอแล้ว ฉันก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย

โชคดีนะที่กระจกพูดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องมีปมด้อยแน่ๆ

ดวงดาวยังค้างฟ้าเหมือนเธอที่ยังค้างอยู่บนคาน อิอิ

เรียนไม่เก่ง หน้าตาไม่ดี คนมาจีบไม่มี หาแฟนไม่ได้ ก็แกนั่นแหละ

อ่านทำไม ...ไม่รักแล้ว อ่านทำไม อีโธ่ ไม่แน่จริงนี่หว่า

รักมากรู้ไหม รักใครคนนึง รักคนที่ซึ่งมองยังไง ก็ไม่ใช่เธอ

ตกใจมั้ย ถ้าบอกรัก ไม่รู้เผลอตอนไหน แต่รักหมดใจ ขออภัยส่งผิด

รักแรกคือเราสอง รักสำรองเจอน้ำกรด รักทรยศต้อง1.38

anacondaรัด twisterพัดแตกสลาย men in black ยิงตาย ไม่วายรักเธอ

ส่งรักไปกับตุ๊กๆ ส่งความสุขไปกับ บขส. ตัวฉันไป ปอ.พ. รถติดรอนิดนะ

โทรศัพท์มือถือยิ่งโทรยิ่งกินเงิน แต่โทรหาคุณยิ่งโทรยิ่งกินใจ

เดี๋ยวผมกลับมานะครับ จะไปซื้อตะกร้า เอามาเก็บหัวใจไว้ให้คุณ

คุณรู้ไหมผมก็เป็นคนนะ ... คนที่รักเธอ

มีใจแค่ 1 ดวง ครึ่งแรกบอกว่าคิดถึง อีกครึ่งนึงบอกว่ารักเธอ

ที่หายหน้าไปไม่ใช่ไม่รัก แต่หมอให้พัก ลดน้ำตาลในหัวใจจ้ะ

ฉันเกิดมาอาภัพ ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ ก็ซ่อนในหัวใจเธอไง

หัวใจไม่ว่างเหมือนเดิม เพราะมีเธอมาเพิ่มเติมในใจ

อยากรู้ไหม ฉันรักใคร ส่องกระจกสิจะได้คำตอบ

ฉันเป็นคนมารยาทดี เลยmsgมาขออนุญาตรักเธอ

ทหารรบเพื่อชาติ ปราชญ์เรียนเพื่อรู้ ฉันทำเพื่อเธอ ไม่รู้ทำไม

ไม่ใกล้ไฟ รู้ได้ไงไฟอุ่น ไม่รักคุณ รู้ได้ไงว่ามีคุณแล้วอุ่นใจ

การได้พบคุณทำให้ผมกลัวตกนรก เพราะคุณทำให้ผมรู้ว่าสวรรค์มีจริง

รู้มั้ยที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นเธอในสายตา เพราะเธออยู่ในหัวใลยอ่ะ

รู้ป่ะเธอเป็นคนโลภมาก - ตรงไหนเนี่ย - ก็เธอเอาหัวใจเราไป4ห้องเลยนี่

เธอหนาวป่าว - หนาวสิ เธอไม่หนาวเหรอ - ไม่อ่ะ แค่มาใกล้เธอเราก็อุ่นใจ

รู้มะ...ทำไมกาแฟถึงขม...มันรอความรักเราสองคนมาเติมความหวานให้ไง

หน้าคุณเปลี่ยนไปเรื่อยๆเหรอไง...ทำไมมองยังไงก็ไม่เบื่อ

ยกเท้าขึ้นหน่อย เธอเหยียบของๆเราอ่ะ ... เหยียบหัวใจเรา

ยืมไฟฉายหน่อยจิ จะเอาไปส่องหน้า เราจะได้ไม่หน้ามืดหลงรักเธอมากกว่านี้
พระอาทิตย์มะลืมวันพระจันทร์มะลืมคืนทะเลมะลืมคลื่นฉันหรือจะลืมเทอ Miss YoU Miss YoU

ขอรูป1ใบขอจัย1ดวงถ้าแม่ไม่หวงขอควงเปนแฟนได้ไหม

จะยิ้มถ้าเทอรักจะทักถ้าเทอมองจะจองถ้าเทอจีบจะถีบถ้าเทอม่ะคิสเถิงกัน

แม้มั่ยอาจหั้ยกายอยู่ใกล้กาน แต่ส่งจัยผูกพันตลอดเวลา

ส่งข้อความซึ้งๆส่งถึงเทอซ้ำๆส่งถึงเทอประจำ ส่งเพียงคำสั้นๆว่าคิสเถิงเทอ

อย่าลืมสวดมน อย่าลืมห่มผ้า แล้วนอนหลับตาจะมีเสียงกะซิบว่า ฝันเด

ทฤษฏีความคิสเถิงคนนึงส่งจัยไปหา คำตอบทฤษฏีมีว่ากรุณาคิสเถิงกลับนิดนึง

ฝากความอาทรห่วงหา มาพร้อมกะดวงจันทร์ ฝากหั้ยคืนเน้คนดีของฉัน ฝันเด

ตัวหนอนยางคิดเถิงใบชา แล้วใยเล่าคนธรรมดาอย่างฉันจะไม่คิดเถิงเทอ

ทา-ทา-มะ-โย-ปิ-โต-โห-ติ ผู้รับย่อม เปนเท่รักของผู้ส่งเสมอ

เวลานอนเขาบอกหั้ยเอากรรไกรวางไว้ข้างตัวเพราะเราจะได้ไม่ห่างกันไกล

อมิทธินังเปยังบาปะยิตัง.. การไม่คิดเถิงกันเปนบาปอย่างยิ่ง

ห่วงนะห่วงใยห่างไกลห่วงหาห่วงนะห่วงว่า กินข้าวหรือยางจ๊ะรักนะ จุ๊บๆ

เค้าว่ามีรักแล้วจะทุกข์ งั้นฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนจะไปปลดทุกข์

คิดเถิงนะ แอบยิ้มอยู่ละซิหุบยิ้มได้แล้ว...หญ้าติดฟัน

ฉันมีตัวกลมๆ ฉันมีรูตรงกลาง ฉันม่าช่ายห่วงยาง แต่ฉันเปนห่วงเทอ
อยากจะทำร้ายจิตจัยกันก้อเชิญแต่เบาๆนะ ...เพราะมันอยู่เท่คุนแร้ว... เด๋วเทอจะเจ็บเปงห่วง

เก็บดวงดาวไว้ใต้หมอนฝากสายลมช่วยพาฝัน ฝากจูจุ๊บด้วยแสงจันทร์ฝากกะซิบสั้นๆว่าฝันเด

หากข้อความเน้อยู่นัยเครื่องคัยโปรดรู้ไว้เทอนั้นอยู่นัยจัยของคนเท่ส่งมาแร้ว

วันนั้น วันเน้ วันโน้น วันนู้นนนนน วันไหนๆก้อ...คิดเถิงเทอ

ขอสมัครเปนคนของหัวจัย ขอเปนคนเท่รักแระห่วงใยเทอ

อยาก SeT Up หัวจัยเทอ แก้ ErrOr หั้ยหมดไป Back Upโปรแกรมไว้ DowLOad จัยขึ้นช้ายดู

SeT Up หัวจัยเทอ แก้ ErrOr หั้ยหมดไป Back Upโปรแกรมไว้ DowLOad จัยขึ้นช้ายดู

บางครั้งเหมือนไม่เคยสนจัยแต่นัยจัยไม่เคยคิดเถิงคัยนอกจากเทอ

จริงๆรักมั่ก แต่ปากบอกไม่ ได้แต่เพ้อ อยู่ข้างนัย ไม่เข้าจัยจริงๆ

***********************************************************
+++*-*10 วิธีพิชิตใจสาวๆ*-*+++
ก่อนอื่น ๆ ก็เริ่มด้วยการถามคำถามว่า "จริง ๆ แล้วผู้หญิงอยากได้อะไร" จากการสำรวจความคิดเห็นของสาว ๆ ทั่วโลก สรุปได้จากสิ่งที่เธอประทับใจ .. ผู้ชาย .. ดังนี้
1. ถามเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวของเธอ ความฝันใฝ่ ความทะเยอทะยานของเธอ ชีวิตเรื่องราวอุปสรรคต่าง ๆ ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ คุณควรให้ความสนใจ(และแสดงท่าทางให้เห็นว่าสนใจเธอ) ผู้หญิงน้อย คนที่อยากจะฟังจริง ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของผู้ชายที่มาจีบเธอ ข้อควรระวัง: ยิ่งคุณผู้ชายที่พยายามแสดงให้เธอประทับ ใจในความเก่งกล้าสามารถของคุณ เธอก็จะยิ่งไม่ประทับใจ
2. สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพราะสาวอื่นจะช่วยเธอตัดสินชายที่เธอเลือก ดังนั้น ความสะอาด กลิ่นสะอาด และเสื้อผ้าที่เหมาะสมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
3. ดวงตาเป็นสื่อความรักความรู้สึก รวมไปถึงรอยยิ้ม .. ที่เป็นมิตร อย่าชำเลืองหรือมองดูด้วยหางตา สำหรับผู้หญิงบางคน เธอชอบให้คุณมองเธอแบบทะลึ่งนิด ๆ เพราะว่ามันเพิ่มรสชาติให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวา (ว่าเธอมีความน่าดึงดูด น่าสนใจ)
4. เป็นสุภาพบุรุษ เช่น การเปิดประตู ประตูรถ ให้เธอ
5. เรียนการเต้นรำ dance (ช่าช่าช่า เทงโก้ ..) พวกผู้หญิงจะตามคุณเป็นกระบวนเลยหละ
6. สร้างเสียงเฮ รวยตลกอารมณ์ขัน (funny) แต่ต้องไม่หยาบคาย ผู้หญิงส่วนมากจะไม่ชอบคำพูดที่เคืองหู อันนี้ถือเป็นความสามารถส่วนบุคคล
7. ชมเธอ ยกยอเธอ เช่น สวย ยิ้มหวาน สดชื่น .. นอกจากนั้นก็สังเกตพวกเครื่องประดับต่าง ๆ ที่เธอมี เช่น ต่างหู นาฬิกา รองเท้า ถ้าคุณนัดพบกับเธอ คุณรู้ไหมว่าเธอลองชุดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตั้งเป็นสิบ ๆ ครั้ง เพราะฉะนั้นยอเธอซะหน่อย ว่าชุดที่เธอใส่เหมาะสมกับเธอ เธอก็จะรู้สึกดี ๆ มากขึ้นอีกเป็นกอง ..
8. ฟังอย่างตั้งใจเวลาเธอพูด เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผล ให้ตั้งใจฟังจริง ๆ เวลาที่เธอพูด แล้วพยายามอย่าพูดสอดขัดจังหวะ
9. มีความจริงใจ (Honest) ผู้หญิงปกติจะคิดว่าผู้ชายกระล่อน ดังนั้นเธอจะประทับใจมาก ๆ ถ้าคุณแสดงความจริงใจ ให้เธอเห็น ถึงแม้ว่าบางครั้งเธอจะไม่ชอบความจริง แต่ว่ามันจะดีในภายหลัง
10. เวลาคุณพูด ให้มองไปที่ดวงตาของเธอ เพื่อให้เธอมั่นใจว่าคุณกำลังพูดให้เธอฟัง และอย่าทำตาวอกแวกเวลาที่คุณมองเธอ
Tips - สิ่งที่ไม่ควรทำ อย่าได้เอ่ยถึงผู้หญิงคนอื่น โดยเฉพาะแฟนเก่าของคุณ อย่าถลึงตาจ้องแบบจะกินเธอ .. หรือผู้หญิงคนใด การจับเนื้อต้องตัวเธอ เช่น การจับบ่าแตะหลัง ถือว่าไม่สมควร
~~~@ เทคนิคเพิมพูนความรัก@~~~
กฎข้อที่ 1 :อย่าต้องการมากเกินไป
กฎข้อที่ 2 :การทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกัน ย่อมแสดงถึงความเป็นคู่
กฎข้อที่ 3 :อย่าคิดว่าความสัมพันธ์คราวนี้ "เป็นของตาย"
กฎข้อที่ 4 : ยังจูบประทับใจกันอยู่เลย
กฎข้อที่ 5 :ตระหนักว่า การทะเลาะนั้นมีไว้เพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ
กฎข้อที่ 6 :อย่าแค่พูด แต่ลงมือทำ
กฎข้อที่ 7 : อย่ากดดันดาร์ลิ่งมากไป
กฎข้อที่ 8 :อย่าพูดว่า "รักเธอ" ถ้าไม่รู้สึกตามนั้นจริงๆ
กฎข้อที่ 9 : อย่าให้ของขวัญตามอำเภอใจคนให้
กฎข้อที่ 10 :อาศัยความลึกลับชวนให้น่าค้นหา
> > > > เลือกต่างหูอย่างไร ให้เหมาะกับตัวเอง< < < <
การเลือกต่างหูที่เหมาะกับตัวเองช่วยให้เราดูดีขึ้นได้จริงๆ ค่ะ หลักๆ แล้วต้องดูรูปหน้า ทรงผม และstyle การแต่งตัวในวันนั้นๆ

สาวหน้ากลมหรือคอสั้น
แนะนำให้เลือกใส่ ต่างหูที่เป็นเส้นยาวดิ่งลงมา แต่อย่าให้ยาวเกินไหล่ จะช่วยให้หน้าดูยาวขึ้น และดูคอยาวระหง ถ้าเป็นสีที่แวววาวได้จะดียิ่งคะ แต่ไม่ควรใส่ต่างหูทรงกลมหรือห่วงกลมใหญ่ๆ เพราะจะกลมไปกันใหญ่
สาวหน้าเหลี่ยม
แนะนำให้เลือกต่างหูที่ไม่เป็นเหลี่ยมหรือมุมชัดเจน แต่ให้ใส่ต่างหูที่มีความโค้งมน เพื่อกลบความเหลี่ยมของคางคะ แนะนำต่างหูที่ห้อยเป็นระย้า ใส่แล้วคลอเคลียที่ข้างแก้ม เหมาะสำหรับสาวที่มีแก้มเยอะด้วยคะ โค้งมน เพื่อกลบความเหลี่ยมของคางคะ แนะนำต่างหูที่ห้อยเป็นระย้า ใส่แล้วคลอเคลียที่ข้างแก้ม เหมาะสำหรับสาวที่มีแก้มเยอะด้วยคะ
สาวหน้ายาว
ห้ามใส่ต่างหูแบบยาวหรือห้อยระย้า แต่แนะนำให้เลือกที่ไม่ยาวมากนัก อาจจะเป็นแบบติดหู หรือมีความยาวไม่มาก แนะนำสีเงิน หรือทอง หรือพวกเพชร พลอย ที่มีความแวววาว เพราะจะช่วยให้ดูน่าสนใจ แบบติดหู หรือมีความยาวไม่มาก แนะนำสีเงิน หรือทอง หรือพวกเพชร พลอย ที่มีความแวววาว เพราะจะช่วยให้ดูน่าสนใจ
สำหรับคนอ้วนหรือหน้าหมองคล้ำ
อยากให้ลองใส่ต่างหูที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนิดหนึ่ง จะช่วยเบนความสนใจไปได้เยอะทีเดียว ถ้าให้ดีเยี่ยม ต่างหูเพชร ( ถ้าเป็นของแท้ได้ยิ่งดีค่ะ)จะยิ่งทำให้หน้าสว่างสดใส เพราะประกายของเพชรจะช่วยดึงความสดใสของดวงตา และถ้าทาลิปสติกที่มีประกายก็จะทำให้เราดูสวยขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
และสำหรับใครที่เจาะหูหลายรูก็ต้องคิดถึงความเหมาะสมด้วย ถ้าวันทำงาน ขอให้ใส่ข้างละไม่เกิน 2 แต่ถ้าให้ดีเป็นข้างละ 1 ค่ะ แต่ถ้าเป็นเวลาส่วนตัวอยากจะใส่อะไรก็ได้ตามใจฉัน แต่ก็ควรให้คนใกล้ๆ ตัวเช็คว่าใส่แล้วดีหรือไม่ ถ้าดูกระจกแล้วเรามั่นใจก็แปลว่าใช้ได้ค่ะ
การแต่งตัวหรือการเลือกเครืองประดับนั้นขึ้นอยู่กับความชอบด้วยนะคะ ถ้าเราใส่แล้วพอใจก็โอเคแล้ว เพราะเราเป็นคนใส่ต้องรู้สึกมั่นใจ ใส่แล้วไม่อายใคร ความสวยความงามที่แท้จริงนั้นมาจากความมั่นใจ และความรู้สึกดีที่มีต่อตนเอง

ฉะนั้นถ้าเรามีความสุขและมั่นใจ เราก็ดูดีอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเราเลือกเครื่องประดับตรงตามความต้องการ และความเหมาะสมที่ส่งเสริมให้ดูดียิ่งขึ้น
*** มุมมองเกี่ยวกับ "รัก" ที่แตกต่างของชายและหญิง ***

การจีบ
หญิง : เขาเข้ามาคุยกะเราบ่อยๆ อย่างงี้กำลังจีบเราจีบเราอยู่แน่เลย
ชาย : บางครั้งการจีบก็เป็นแค่การทดสอบความสามารถของตัวเอง ไม่ได้รู้สึกจริงจังมากมายอะไรสักหน่อย
ตกหลุมรัก
หญิง : การก้าวขาหล่นลงไปในหัวใจของเขาลึกจนยากจะปีนขึ้นมาง่ายๆ
ชาย : การเดินสะดุดขาอ่อนของเธอ อาจจะเซไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับเสียการ ทรงตัวนานแต่อย่างใด

เดทครั้งแรก
หญิง : เหตุการณ์ตื่นเต้นที่สุดอีกครั้งในชีวิต เขาจะพาเราไปนั่นกินอาหารร้านไหนนะ
ชาย : เหตุการณ์ผลาญเงิน หวังว่าเธอคงไม่เห็นแก่กินเลือกร้านแพงๆ เหมือนยายคนก่อนนะ

หัวใจ
หญิง : อวัยวะที่ยกให้ใครไปแล้วก็ไม่อยากให้เขาส่งคืน
ชาย : อวัยวะที่ใช้ในการหายใจอ่ะดิ ถามด้ายยย!

แฟนเก่า
หญิง : คนรักของวันวานที่ถ้าบังเอิญเจอหน้าในวันนี้ก็ทำให้ใจสั่น
ชาย : ใคร? เธอคือใครเหรอจำไม่ได้แล้วอ่ะ

แฟนใหม่
หญิง : คนรักของวันนี้ที่เราอยากให้เป็นคนรักของวันข้างหน้าไปนานๆ
ชาย : แฟนของวันนี้แต่วันข้างหน้าค่อยว่ากันอีกที<ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ!>

โทรศัพท์
หญิง : เครื่องมือสื่อสารที่ช่วยสื่อความคิดถึง, คำพูดตอนไม่ได้อยู่กะเขา
ชาย : เครื่องมือสื่อสารที่เธอมีไว้คอยโทรจิกตามตรวจสอบเราทุกที่ทุกเวลา

ความเหงา
หญิง : แค่ไม่มีเขาเราก็เหงาเหลือเกินแล้ว
ชาย : 365 วันไม่เหงาเพราะเราไม่ขาดเพื่อนสักวัน

ความคิดถึง
หญิง : เพิ่งแยกจากเขามาเมื่อครู่เดียวเองก็คิดถึงอยากเจอหน้าเขาอีกแล้วน่ะ
ชาย : ความคิดถึงก็เหมือนการได้ลงเตะฟุตบอลที่เราอยากเตะ พอได้เตะ แตะแล้วก็หายอยาก

ดอกไม้
หญิง : เดินผ่านร้านขายดอกไม้ทีไร อยากให้เขาซื้อให้เรา แค่ดอกเดียวก็พอ
ชาย : ก็ดอกไม้แค่ดอกเดียว ทำไม! เธออยากได้อะไรมากมายนะ

จูงมือ
หญิง : เป็นแฟนตอนแรกๆ เขาจูงมือเราไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวเราหลงทาง แต่ตอนหลังเราต้องเป็นฝ่าย
จับมือเขาเสียเอง
ชาย : โอ๊ย! ผมไม่ได้เด็กแล้วนะต้องจูงมือข้ามถนนด้วย

หึง
หญิง : รักคือหึง...หึงคือรัก ไม่รักไม่หึง ไม่หึงถ้าไม่รัก
ชาย : ที่ผมเผลอลงมือลงไม้เธอนั้นเพราะผมหึงเธอน่ะ

น้ำตา
หญิง : เครื่องมือที่ช่วยเราลดความเครียดตามธรรมชาติ
ชาย : เครื่องมือเรียกร้องความสนใจของผู้หญิง

ช๊อปปิ้ง
หญิง : กิจกรรมสุดโปรดได้ทำแล้งเหมือนมีสารความสุขหลั่งออกมา
ชาย : เครียดก็ช๊อป...มีสุขก็ช๊อป..อารมณ์ก็ช๊อป ผู้หญิงโรคจิต

การสารภาพรัก
หญิง : เป็นแฟนกันมาตั้งนาน แค่คำว่ารัก..คำเดียว เขายังไม่เคยพูดให้เราไดยินเล๊ย
ชาย : เป็นแฟนกันมาตั้งนาน คำว่า..รัก..คำเดียวจะสำคัญอะไรนัก

อกหัก
หญิง : ทำลายของๆ เขา, ฉีกรูปคู่ทิ้ง, เก็บตัวอยู่ในห้อง ฯลฯ เจ็บนี้...อีกนาน
ชาย : กินเหล้า,จีบดะ,เที่ยวกระจาย ฯลฯ 3 วันห๊ายยยย

งอน
หญิง : ดูเขาเถอะ! หาเรื่องให้เราต้องงอนอีกแย้ว
ชาย : ดูมัน! งอนได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ

ง้อ
หญิง : ดีใจจัง เขาง้อเรา แสดงว่าเขายังรักเราอยู่
ชาย : เซ็ง! แต่ต้องแกล้งง้อไปงั้นๆ ดีกว่าต้องทนเห็นหน้าที่เหมือนตูดของเธอ
***********************************************************
** ตด ***

ตามตำรา โบรานของชาวจีน ได้มีการบันทึก การดูบุคลิกของคนจากการผายลม(ตด) เอาไว้ อยากมากมาย วันนี้เรา ลองมาดูสิว่า คุณเป็นคนประเภทไหน
1. คนใจเย็น - คนที่กลั้นตดจนถึงจุดระเบิด
2. คนขี้โอ่ - คนที่ตดดังสนั่น แล้วยืนหัวเราะชอบใจ
3. คนไม่จริงใจ - คนที่ตด แล้วหันไปมองหน้าเด็ก
4. คนงก - คนที่ชอบยืนดมตดตัวเอง
5. คนโชคร้าย - คนที่ตดขณะเอามือตบโต๊ะไปด้วยแต่พลาดจังหวะ(ซวย)
6. คนซาดิสต์ - คนที่ตดในผ้าห่มแล้วกดหัวแฟนตัวเองไปดม
7. คนเจ้าเล่ห์ - คนที่ตดพร้อมกับไอกระแอมเบาๆ
8. คนสุภาพ - คนที่กล่าวคำขอโทษ ก่อนและหลังการตด(ทั้งๆที่อยู่คนเดียว)
9. คนมั่งคั่ง - คนที่ตดอย่างสม่ำเสมอ เป็นจังหวะ และยาวนาน
10. คนอำมหิต - คนที่ตดไม่มีเสียง แต่เหม็นโคตร
11. คนดีแต่พูด - คนที่ตดโคตรดังแต่ไม่มีกลิ่น(เน้นการใช้เสียงเพื่อขู่ศัตรู)
12. คนหลายใจ - คนที่ตด ขี้ เยี่ยวไปพร้อมๆกันในเวลาเดียว(หรือเรียกว่า ทวารสามัคคี)
13. คนใจบุญ - คนที่ตดอยู่หนือลม
14. นักวิทยาศาตร์ - คนที่ชอบวิเคราะกลิ่นตดว่าอาหารก่อนหน้าประกอบด้วยอะไรบ้าง
15. ผู้ดี - คนที่กลั้นตดไว้เป็นชั่วโมงเพื่อกลับไปตดที่บ้าน
16. แพทย์ - คนที่ล้างมือ ก่อนและหลังตด
แล้วคุณล่ะเป็นคนแบบไหน 55555
***********************************************************
ความซวยของผู้ชาย

1. มีแฟนหลายคน - เจ้าชู้
มีแฟนคนเดียว - กลัวแฟนล่ะสิ
ไม่มีแฟน - เกย์

2. เห็นผู้หญิงแล้วเดินเข้าไปจีบ - หน้าหม้อ
เห็นผู้หญิงแล้วมองตาม - มัวแต่มองจะได้กินมั้ย
เห็นผู้หญิงแล้วเฉยๆ - เกย์

3. มีแฟนแก่กว่า - กะเกาะเค้ากินล่ะสิ
มีแฟนอ่อนกว่า - หลอกเด็ก
มีแฟนอายุเท่ากัน - แม้แต่เพื่อนยังไม่เว้นเลย คิดดูๆ

4. มีแฟนแล้ว ตกเย็นไปกินข้าวกับแฟน - มันเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน
มีแฟนแล้ว ตกเย็นไปกินข้าวกับเพื่อน - มันเห็นเพื่อนดีกว่าแฟน
มีแฟนแล้ว ตกเย็นกลับบ้านคนเดียว - มีชู้

5. ชอบนัดเจอกับเพื่อนสนิทผู้หญิง - คิดนอกใจ
ชอบนัดเจอกับเพื่อนสนิทผู้ชาย - เกย์
ชอบนัดเจอกับเพื่อนสนิทชายหญิง - หมู่

6. ขอจูงมือแฟนตอนกลางวัน - ไม่เอานะ อายเค้า
ขอจูงมือแฟนตอนเย็นๆ - ยังไม่ค่อยมืดเลยนะคะ ไว้ก่อนนะ
ขอจูงมือแฟนตอนกลางคืน - เดี๋ยวมันต้องไปมีอะไรกันแน่ๆ

7. เดินนำแฟนเข้าห้าง - รู้จัก Lady first มั้ย ??
เดินเข้าห้างให้แฟนเดินเข้าก่อน - มันปล่อยให้แฟนมันเปิดประตู
เดินเข้าห้างเปิดประตูแล้วให้แฟนเดินเข้าไปก่อน - โคดเว่อเลยว่ะ


8. เป็นหัวหน้าครอบครัว - เผด็จการ
มีอะไรต้องปรึกษาแฟน - ไม่กล้าตัดสินใจ
ให้แฟนเป็นหัวหน้าครอบครัว - กลัวเมีย

9. แฟนไม่สวย - หาได้แค่เนี้ยเรอะ
แฟนหน้าธรรมดาๆ - ก็งั้นๆแหละว้า
แฟนสวย - ไม่สมกันเล้ย

10. ผู้ชายนิสัยธรรมดา - น่าเบื่อ
ผู้ชายนิสัยเลว - เลวว่ะ
ผู้ชายนิสัยดี - เธอดีเกินไป
** +_+ งอน +_+ (ผู้ใดมีแฟนหรือกิ๊ก รีบอ่านด่วน !!!) ***
สมมุติฐาน - นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบแล้วว่า อาการ งอน เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง
สามารถติดได้อย่างรวดเร็วและขยายเป็นวงกว้างในแนวราบ
ขณะนี้ยังไม่มีการค้นพบวัคซีน หรือยารักษาที่มีประสิทธิภาพ
และไม่พบหลักฐานที่แน่นอนว่าผู้ใดนำมาปล่อย หรือเป็นพาหะนำโรค



อาการ -ผู้ป่วยจะมีอาการหน้างอ ปากยื่น ไม่ยอมพูดจา
บางรายที่อาการหนัก จะมีอาการหน้าดำแทรกอยู่ด้วย หูแข็ง
ฟังอะไรก้อขัดหูขัดใจไปหมด ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยแต่พองาม
โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น
ควบคุมการกวัดแกว่งของมือไม่ได้มักจะเหวี่ยงแปะปะไปตามหลัง
หรือหน้าของคนที่อยู่ใกล้ (มักเป็นชายหนุ่มที่เรียกว่าแฟน)
ผู้ป่วยที่อาการหนักอาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ ร้องไห้โฮโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการจะอยู่นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อที่ได้รับ
และความคุ้นเคยกับโรคของตัวผู้ป่วยเอง


การปฐมพยาบาลเบื้องต้น - ควรสังเกตอาการผู้ป่วย ว่างอนอยู่ในระดับไหน
ถ้างอนน้อยๆ ให้รีบง้อ
ผู้พบเห็นทั่วไปควรเอาใจใส่ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก
จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้


สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก - ผู้ง้อ
ควรได้รับการฝึกสอนเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการง้อเป็นพิเศษ
เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ เปราะบางแตกหักง่าย
ต้องการความเอาใจใส่อย่างมาก
ผู้ง้อจึงจำเป็นต้องมีความอดทนสูงมากๆมีวาจารื่นหู มีร่างกายแข็งแรง
ทนทานต่อการหยิกหรือข่วน และควรมีของขวัญแก้ตัวติดไม้ติดมือมาด้วย
ขอแนะนำให้เป็ฯดอกไม้ อาการของผู้ป่วยจะดีขึ้นเกินคาด


การดูแลในภายหลัง - ผู้ป่วยที่หายแล้ว
ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา
ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความเข้าใจอย่างเต็มที่
หากความรักและความเข้าใจลดน้องลงเมือไหร่ อาการงอนจะกำเริบทันที


คำแนะนำ - เชื้อที่ได้รับยังไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้
ผู้ป่วยจึงสามารถขุดคุ้ยสาเหตุของโรคขึ้นมางอนได้เรื่อยๆ
ผู้รักษาจึงควรระวังตัวอยู่เสมอ

หมายเหตุ - โรคนี้มักพบมากในกลุ่มคนที่มีความสวยและความน่ารัก
สำหรับผู้ที่ไม่สวย และไม่น่ารัก จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า น่าเบื่อ
น่ารำคาน ผ็รักษาสามารถปล่อยไปตามยถากรรม
ไม่จำเป็ฯต้องมีการปฐมพยาบาลใดๆ ทั้งสื้น จนกว่าอาการจะหาย
หรือตายไปเอง

ข้อสังเกต - จากการศึกษาพบว่า
ผู้ป่วยที่หน้าตาดีจะติดเชื้อโรคนี้ได้ง่ายกว่าผู้ป่วยหน้าตาธรรมดา
และหากไม่รีบรักษา ผู้ป่วยมักจะรักษาตัวเองด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า -กิ๊ก-
ส่วนผู้ป่วยที่หน้าตาธรรมดามักมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง
หากไม่มีการรักษาจะหายงอนได้อย่างหน้าอัศจรรย์
***********************************************************
*** สาเหตุที่ไม่ควรมี "ภรรยา" ***

ต้นทุนระหว่างจีบ = 100,000 up
ต้นทุนดาวน์ = 300,000 บาท up
ค่าที่อยู่อาศัยให้ = 1,500,000 up
ค่าพาหนะ = 600,000 up
ค่าบำรุงรายเดือน = 50% ของเงินเดือน up

ไม่รวมค่าเสียเวลาและประสาทเสียจากการแทรกแซงและการไร้คุณภาพเป็นพักๆ ของผลิตภัณฑ์ ซื้อแล้วห้ามเปลี่ยนห้ามใช้ผลิตภัณฑ์อื่นร่วม

ผลิตภัณฑ์มีอายุยืนยาวแต่คุณภาพเสื่อมทันทีที่ซื้อ

ผลิตภัณฑ์อาจเป็นสินค้ามือสองแต่จำหน่ายในราคาเต็ม

คุณไม่มีสิทธิ์ครอบครองผลิตภัณฑ์แต่ผลิตภัณฑ์มีสิทธิ์ครอบครองคุณและทุกสิ่งที่ คุณเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เกิดแตกหน่อ รายได้ข้างต้นที่ว่ามาทั้งหมดต้องหักออกอีก 30% ของรายได้...

"ภรยตามา ปรมา ทุกขา" การมีภรรยามีทุกข์อย่างยิ่ง
มีเมีย เหมือนมือถือ.........เป็นเหมือนสื่อคอยติดตาม
มีเมีย เหมือนมียาม .........คอยสอบถามยุ่มย่ามใจ
มีเมีย เหมือนมีบ้าน .........อยู่นานนานย่อมเบื่อได้
มีเมีย เหมือนมอเตอร์ไซค์......ซิ่งเร็วไปอาจเสี่ยงตาย
มีเมีย เหมือนมีรถ ...........ราคาหดเวลาขาย
มีเมีย เหมือนผีพราย ........หากร่างกายไม่แต่งเติม
มีเมีย เหมือนม้าห้อ .........ควบไม่รอยามฮึกเหิม
มีเมีย เหมือนบัตรเสริม .....ต้องคอยเติมเงินเรื่อยไป
มีเมีย เหมือนปีศาจ ..........ยามอาละวาดน่าตกใจ
มีเมีย เหมือนมีไห ...........ปลาร้า....ใส่หลายร้อยปี
มีเมีย เหมือนมีคอมพ์ .......ต้องคอยซ่อมบ่อยเหลือที่
มีเมีย เหมือนปลากระดี่ .....ได้น้ำดีก็จากไป
มีเมีย เหมือนดั่งเสือ.........ขย้ำเหยื่อจะเหลือไร
มีเมีย เหมือนกรรไกร........ ตัดทีไรขาดทุกที
มีเมีย ชอบจ่ายดะ ..............ซื้อไม่ละ..นะคุณพี่
มีเมีย ชอบเซ้าซี้ ................บ่นทุกทีที่เจอกัน
มีเมีย ละเหี่ยใจ.................. แล้วทำไมชอบมีกัน
มีเมีย ไม่สร้างสรรค์ ............จำให้มั่น อย่ามีเมีย

แต่ถ้ามีกิ๊ก
คุณสามารถเอ็นจอยกิ๊กในราคาที่คุ้มค่า เที่ยวทุกอาทิตย์ = 2,000 x 4 = 8,000 บาท/เดือน = 8000x12 = 96,000 บาท/ปี เลือกได้ทุกรุ่นทุกขนาดใหม่ล่าสุดแกะกล่อง ไม่มีข้อผูกพันใดๆ รับประกันคุณภาพและการบริการ.....
***********************************************************
*** ROMANCE MATHEMATICS ***

Smart man + smart woman = romance ผู้ชายเท่ + ผู้หญิงเก่ง = ความโรแมนติก
Smart man + dumb woman = affair ผู้ชายเก่ง + ผู้หญิงโง่ = ความใคร่
Dumb man + smart woman = marriage ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงเก่ง = การแต่งงาน
Dumb man + dumb woman = pregnancy ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงโง่ = ตั้งท้อง

***********************************************************
*** ผู้ชายไม่มีแฟนหล่ะซิ .....น่าคิด ***
ปัจจุบันอัตราส่วน ของผู้ชายต่อผู้หญิง คือ 1:7 นะ

งั้น ผู้ชาย 1 คน สามารถคบผู้หญิงได้ 7 คน เลยซิ ...โอ้พระเจ้าไม่ ยุติธรรมเลย

งั้นต้องรีบๆ เลือกนะ เพราะมีอีก 20% ของผู้ชายน่ะ... มีอาการ เบี่ยงเบนทางเพศ และไม่พอใจกับเพศที่มีอยู่ งั้น ถ้าปัจจุบัน ผู้ชาย 100 ต่อ ผู้หญิง 700 ก็จะเหลือแค่ 80:700

ถูกต้องจ๊ะ
แต่โชคร้ายของผู้หญิง ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะอีก 30% ของผู้ชายปัจจุบัน
มีอาการชอบมอง ผู้หญิงไปวันๆ หรือ ไม่ก็คบแบบไม่เอาจริงเอาจัง
แล้วจะเหลือเท่า ไหร่แล้วเนี่ย

เหลือ 50:700 แต่ยังมีอีก 10% บวช เป็นพระ หรือ ชอบเข้าวัดเข้าวา
ไม่สนใจเรื่องพวกนี้

ตอนนี้ เหลือ 40:700
สุดท้ายอีก 10% เป็นพวกประสบ อุบัติเหตุจากความประมาท หรือไม่ก็
เมาหรือไม่ก็ทะเลาะ วิวาท

ไม่อยาก เชื่อ ว่า เหลือผู้ชายดีๆ แค่ 30:700
มิน่าหล่ะเธอถึงยังไม่มี แฟน
ผู้หญิง ไม่มีแฟนไม่ต้องคิดมาก แต่ผู้ชายไม่มีแฟนหล่ะซิ .....น่า คิด
***********************************************************

Sunday, June 03, 2007

รักเขา......ทำยังไง?
ให้เขารักตอบ
"มิตรภาพกับความรัก บางทีมันก็คนละเรื่อง
เขาอาจให้เราได้แค่วามเป็นมิตร
แต่เขาอาจไม่ได้รักเราอย่างนั้น"
มีหลายคนที่แอบหลงรักคนอื่นโดยที่เขาไม่รู้ตัว และก็เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยก็คงอยากให้เขาหันมาสนใจเราบ้างเหมือนกัน แต่จะทำยังไง แค่หน้าเขายังไม่มอง คุยกันยังไม่เคย เราจะรู้จักกันได้ยังไงเขาจะรักเราอย่างที่เรารักเขาหรือเปล่าเป็นคำวนเวียนอยู่ในสมองตลอดเวลาสำหรับคนที่มีอาการรักเขาข้างเดียว
ก่อนอื่นเราต้องตอบตัวเองก่อนว่า ถ้ารู้จักกันแล้ว แล้วเขาไม่รัก เหมือนคนที่ใกล้กัน แต่ก็แค่คนรู้จักกัน ไม่ได้พิเศษ ไม่ได้รักเป็นแค่เพื่อน เราจะยินดีต้อนรับความรู้สึกนั้นได้หรือเปล่า บางคนเคยพูดว่า ถ้าไม่รัก ยิ่งอยู่ใกล้กันก็เหมือนไกลกัน และยิ่งเห็นหน้าพูดคุยกันอยู่บ่อยๆ ก็ยิ่งทุกข์ทรมาน การแสดงออกถึงความเป็นเพื่อนธรรมดาไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้เป็นคนพิเศษ ไม่ได้สนใจใยดีเรา สู้ไม่เจอหน้า ไม่รู้จักกันยังดีซะกว่า คงเจ็บน้อยกว่านี้ แต่มักมาคิดได้เมื่อหาเรื่องไปรู้จักเขาแล้ว เพราะฉะนั้นก็คิดให้ดีซะก่อน ดูลาดเลาก่อนว่ามีเปอร์เซ็นต์ว่าเขาจะสนใจเราบ้างไหม ถ้าคิดว่าไม่ลองไม่รู้ ทุกคนเมื่อเกิดอารมณ์นี้ก็อยากให้เขารู้จักเรา อยากอยู่ใกล้ โดยลืมคิดไปเลยว่าถ้าเกิดเขาไม่สนใจเราจริงๆ เราจะทุกข์แค่ไหน ยังไงก็ขอให้ได้รู้จักสนิทสนมกันก่อน ถ้าคิดอย่างนั้นก็ไม่ว่ากัน
เมื่อพร้อมและยินดีที่จะพบเจอความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง ก็เดินหน้าหยิบยื่นมิตรภาพให้เขาได้เลย การทำให้เขารู้จักไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะทำยังไงให้เขามองเห็นคุณค่าในตัวเราไปพร้อมๆกันด้วย การแสดงออกอย่างโจมแจ้งว่าชอบเขา บางทีมันก็ตรงไปตรงมาดี แต่ในขณะเดียวกันก็อาจขาดอาการลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อไป เพราะเราจะทราบทันทีถ้าหน้าตารูปร่างเราไม่ดึงดูดพอ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราเป็นคนดี จิตใจดี รักเด็ก รักสัตว์เพราะเขาไม่รู้จักเรา ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนมักเริ่มจากความเป็นเพื่อนมาก่อน หากเดินเทิ่งๆ แบบตั้งใจมาเป็นแฟน แน่นอนการจะทำความรู้จักใครซักคนปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามักใช้สายตาลาดตระเวนก่อน ว่าพึงพอใจหรือเปล่า เขาอาจจะอยากรู้จักเธอจากหน้าตาของเธอก็ได้ ซึ่งก็เป็นข้อดีสำหรับบุคคลหน้าตาดี แต่จะได้เป็นแฟนหรือเปล่า เขาอาจจะอยากรู้จักเธอจากหน้าตาของเธอก็ได้ ซึ่งก็เป็นข้อดีสำหรับบุคคลหน้าตาดี แต่จะได้เป็นแฟนหรือเปล่ายังไม่แน่ใจ เพราะมันต้องพ่วงนิสัยใจคอ และรายละเอียดในใจของเธอเข้าไปด้วย แต่หากเธอสร้างจุดสนใจอย่างอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของเธอ ความเป็นตัวเอง ความโดดเด่น และธรรมชาติของเธอที่หลายคนไม่มี นั่นอาจจะเป็นจุดดึงดูดที่ดี เพราะมันมาจากข้างในตัวเธอจริงๆ และหากมันเริ่มอย่างนี้เปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับรักตอบก็มีสูงเช่นกัน
แล้วขั้นตอนต่อไปก็คือเวลาแห่งการสร้างมิตร บทสรุปจะเป็นอย่างไร อยู่ที่เขาและเธอปฏิบัติอย่างไรต่อกัน ไม่แน่นะ เมื่อได้รู้จักกันมากขึ้นเธออาจจะเปลี่ยนใจและพบว่าตัวเองไม่ได้รักเขาอย่างที่คิดก็ได้ หรือากเขาให้ความสำคัญกับเธอแค่คำว่าเพื่อน เธอก็ต้องยินดีรับคำ นั้นด้วยความเต็มใจ เพราะมิตรภาพกับความรักบางทีมันก็คนละเรื่องกัน เขาอาจให้เราได้แค่ความเป็นมิตร แต่เขาอาจไม่ได้รักเราอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่ดีพอหรอกนะ คนบางคนก็เหมาะสมกับคนบางคน คนบางคนเป็นเพื่อนกับคนบางคนได้ แต่ไม่สามารถเป็นแฟนกันได้ ความรัก....เป็นเรื่องอธิบายได้ยาก ถ้าเธอรักใคร เธอจะไม่สามารถบอกได้หรอกว่า เธอรักคนๆ นั้นเพราะอะไรและถ้าเธอไม่รัก เธอก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงรักเขไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่เกิดมาเพื่อรักเธอ เมื่อไหร่ที่เธอเจอเขา เธอไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วจู่ เขาก็จะมารักเธอเอง ในขณะที่เขาและเธออาจจะงงๆ ด้วยซ้ำ ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
หากเขาไม่ได้รักตอบก็ไม่ต้องทุกข์ใจไปหรอกนะ ยังมีคนที่รอให้เธอรักเขาอยุ่ในวันข้างหน้า คิดอยู่เสมอว่า ถ้าคนที่เรารักไม่ได้รักเร นั่นแสดงว่าต้องมีอะไรซักอย่างที่เราและเขาไม่สามารถอยุ่ร่วมกันได้ และถ้าคบกันแล้วคงไปด้วยกันไม่ได้ หัวใจเธอยังมีที่ดินเหลือพอที่จะปลูกต้นรักได้อีก ไม่เชื่อลองดูต่อไปแล้วกัน
อ่านสักนิดหากคิดจะมีรัก


1. เป็นตัวของตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
อย่าพยายามเปลี่ยนคนรักของคุณให้เป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็น แฟนคุณอาจจะไม่ได้สวยเหมือนนางงาม หรือหล่อเหมือนนายแบบ ขอให้รักในสิ่งที่คนรักของคุณเป็น ยังมีอีกหลายสิ่งอีกมากมายในตัวคนรักของคุณ ซึ่งมากกว่าสิ่งภายนอกที่ตาของคุณมองเห็น

2. มีอะไรต้องพูดกัน
สำหรับคุณผู้ชาย อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพูดต้องเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งบางทีคุณคิดว่ามันไร้สาระ ซึ่งต่างจากผู้หญิง อย่ามัวนั่งเดาความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ให้เรียนรู้ที่จะพูดและแสดงออกว่าคุณรู้สึกอย่างไร เพื่อที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า คุณกำลังรู้สึกอะไร ต้องการอะไร ทำไมคุณถึงอารมณ์ไม่ดี หรือแม้แต่วันนี้ที่คุณอารมณ์ดีเนี่ย เป็นเพราะอะไร เมื่อคุณไม่ต้องการหรือหยุดที่จะถ่ายทอด บอกเล่าความรู้สึกของคุณให้กับอีกฝ่ายได้รับฟัง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของความรัก

3. หากิจก รรมทำร่วมกัน
ข้อนี้ง่ายมาก หากิจกรรมอะไรก็ตามที่ทั้งคู่ สามารถทำด้วยกันแล้วมีความสุข กระทำร่วมกัน คุณอาจจะนั่งดูทีวี หรือไปเดินเล่นจูงมือกันในห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ตามแต่รสนิยมของคุณทั้งคู่ แล้วก็ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือเรียกว่าเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน โดยคุณผู้หญิงนานๆที ก็ลองนั่งดูรายการฟุตบอลรายการโปรดของแฟนคุณ เปลี่ยนบรรยากาศ ส่วนคุณผู้ชายก็อาจจะลองไปเดิน shopping เป็นเพื่อนแฟนคุณดูสักครั้ง แทนที่จะไล่ให้แฟนคุณไปช๊อบปิ้งกับเพื่อนของเธอ อาจจะทำให้ทั้งคู่เข้าใจอารมณ์ของกันและกันมากยิ่งขึ้น การที่คุณใช้เวลากับเพื่อนของคุณมากกว่ากับแฟนของคุณ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณอันตรายบ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ของคุณกำลังสั่นคลอน

4. พบกันคนละครึ่งทาง
ถ้าหากแฟนหนุ่มของคุณกล้าที่จะโยนเสื้อตัวโปรด ขาดๆ เก่าๆ แต่คุณไม่ชอบของเค้าทิ้ง คุณก็ไม่ควรจะโกรธถ้าเค้าขอร้องให้คุณเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย ความสัมพันธ์ที่สมดุลและแนบแน่น ต้องประกอบไปด้วยการให้และการรับ เพราะฉะนั้นจงเรียนรู้ที่จะพบกันคนละครึ่งทาง

5. แสดงความรักของคุณให้เค้ารู้
ลองซื้อดอกไม้ ขนม หรือน้ำหอม ให้กับคนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าคุณจะคบกันมา 5 ปีแล้วก็ตาม มันจะทำให้คุณรู้สึกดีที่ได้แสดงความรักแก่คนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ นี่เป็นการบริหารความสัมพันธ์ของคู่ของคุณ แม้ว่าจะคบกันมานาน หัดเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ ของคนที่คุณรักและแสดงให้เค้าเห็นว่า คุณใส่ใจ อาจจะเป็นเรื่องอาการไม่สบาย ขนมที่เค้าชอบ หรือสีโปรดของเขา สิ่งเหล่านี้ เรารับรองว่าถ้าคุณลองทำ ความรักของคุณจะชุ่มชื่น จนใครๆอิจฉา

6. ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
หยุดล้อเล่นและหัวเราะเยาะปมด้อย หรือข้อบกพร่องในตัวเค้า หากเป็นเป็นสิ่งที่คุณเคยชินที่จะทำ ลองไตร่ตรองดูว่า เขาหรือเธออาจไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกด้วยก็ได้ ถ้าหากว่าเค้ามีปมด้อย ตรงความเตี้ยของเขา คุณก็ควรจะหยุดเปรยชมคนตัวสูงๆ ที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามารู้มั๊ยว่านั่น เป็นการทำลายความมั่นใจและความรู้สึกของเขาโดยตรง ความรักเป็นเรื่องของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และแคร์ความรู้สึกของกันและกันตลอดเวลา

7. ลืมความหลังเก่าเสีย
หยุดพูดถึงเรื่องเก่าๆ ไม่มีใครหรอกที่อยากจะพูดถึงและนึกถึงเรื่องที่เศร้าหรือเรื่องผิดพลาดในอดีตของตัวเอง รู้จักให้อภัยและเลิกขุดคุ้ยข้อผิดพลาดของกันและกัน ให้อดีตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ปัจจุบันมากกว่า

8. เลิกนิสัยขี้อิจฉาของคุณ
เราพนันได้เลยว่า ทุกคนมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และระแวงในช่วงต้นของความสัมพันธ์ แต่อย่าเปลี่ยนความรู้สึกไม่ปลอดภัยและระแวงมาเป็นความอิจฉา วิธีทดสอบว่าคุณเริ่มอิจฉาก็คือ คุณเริ่มที่จะตรวจสอบกระเป๋าสตางค์หรือของส่วนตัวของเค้า นั่นแหละ ใช่เลย คุณกำลังระแวงเค้าอยู่ ความอิจฉา หรือความขี้หึงก็เหมือนกับยาพิษที่ค่อยๆ ทำลายความรักและความสัมพันธ์ของคุณ ไปทีละเล็กทีละน้อยโดยที่คุณไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นจงเชื่อมั่นในตัวคนรักของคุณ ความรักจะต้องมีความมั่นใจเป็นพื้นฐาน

9. ฝึกเป็นคนรักษาคำพูด
ถ้าคุณเป็นคนชอบผิดนัดและผิดสัญญา ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องจับเข่าคุยกันให้รู้เรื่อง หากคุณคิดว่าจะคุณจะมีคนรัก คุณก็ควรจะให้ความสำคัญแก่คนรักของคุณ และพยายามอย่าทำให้เค้าผิดหวัง ถ้าหากเป็นเรื่องที่ไม่สุดวิสัยจริงๆ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกแย่เมื่อคนรักของคุณต้องรอคุณทานข้าว แล้วคุณไม่มา ถ้าหากคุณไม่สามารถทำตามสัญญา ก็อย่าสัญญา เพราะว่าเมื่อไรก็ตามที่คนรักของคุณ เริ่มที่จะรู้สึกว่า เค้าไม่มีความสำคัญต่อคุณสักเท่าไหร่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณได้สูญเสียเค้าคนนั้นไปแล้วก็ได้

10. จงซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรักของคุณ
ความซื่อสัตย์ที่เราหมายถึงคือ การอธิบายความรู้สึกของคุณอย่างตรงไปตรงมาแก่คนรัก อย่าปิดบังความรู้สึก ถ้าคุณรู้สึกว่าเค้าทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด หรือโกรธเคือง จงบอกเค้า อย่างไม่ต้องอาย ถ้าหากคุณไม่สามารถที่จะรักษาความซื่อสัตย์ต่อคนที่คุณรักได้แล้ว ใครล่ะ ที่คุณจะรักษาความซื่อสัตย์ด้วยได้ ความรักคือการให้ความซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน ในทางตรงกันข้ามความสัมพันธ์ที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ ก็อาจจะไม่ควรค่ากับความสัมพันธ์ที่คุณได้ทุ่มเทไป