Friday, May 16, 2008

เหมือนจะยากมากในการที่เราจะลืมใครสักคน แต่ไม่มีอะไรที่เกินความพยายาม ยังไงเพื่อนๆ ลองทำตามนี้ดูนะคะ… เผื่อจะช่วยให้ลืมเขาคนนั้นได้

1. นึกว่าเหตุที่เราต้องลืมเขาเพราะอะไร คงไม่ใช่ส่วนดีของเขาแน่ๆ

2. หลังจากนั้นให้พยายามย้ำความคิดนั้นเพื่อจะไม่ให้เกิดความ อาวรณ์เขามากไป

3. พยามหลีกเลี่ยงการเจอเขาแบบตัวต่อตัว เพราะเกิดเขาเผลอมาทำดีกะเรา เราจะยิ่งเขว แต่ถ้าเขามากะแฟน จะดีมาก (แบบว่าช้ำสุดๆม้วนเดียวจบ)

4. หลีกเลี่ยงไปซ้ำที่เดิมๆ ที่เคยไปกะเขา

5. หากิจกรรมที่ต่างจากเมื่อคบเขา เช่น แต่ก่อนเขาและเราชอบฟังเพลง ป๊อบ ให้เปลี่ยนใหม่ มาฟังเพลงร้อคแทน (เอาให้โลกแตกไปเลย)

6. อย่าทำให้ตัวเองว่าง เกาะเพื่อนๆ เข้าไว้ มันจะเป็นช่วงหนึ่งแหละ หลังจากนั้น จะสามารถอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง

7. ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่นลงเรียนต่อ ไปเรียนทำขนม ไปเรียนร้องเพลง ฯลฯ (มีโอกาสเจอเพื่อนๆใหม่ด้วย)

8. อย่านั่งมองท้องฟ้าตอนเย็นๆ เพราะมันจะเหงามาก เคยมีคนศึกษาพบว่าบรรยากาศตอนเย็นคนอยากฆ่าตัวตายมากที่สุด

9. อย่านั่งมองฝนตก เหมือนถ่ายมิวสิกวีดีโอ มันจะยิ่งอยากร้องไห้แล้วถ้าร้องไห้ไม่มีคนมาเช็ดน้ำตาหรอกเพราะคุณไม่ใช่นางเอกน่ะสิ

10. อย่าหาเรื่องกินจนอ้วน เพราะมันจะทำให้คุณหมดความมั่นใจไปกว่าเดิม
"ความรักที่ไม่ต้องใช้คำพูด"
แทนคำว่ารักที่ผู้ชายใช้แทนคำพูด
1.คุณจับได้ว่าเขาจ้องมองตาคุณอยู่
ปกติผู้ชายมักจะจ้องมองสิ่งที่เขาปรารถนาอยู่เสมอ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเราจึง
เห็นผู้ชายแอบมองหน้าอกของผู้หญิง หรือวิจารณ์หน้าอกของผู้หญิงอยู่บ่อยๆ วิธี
การมองที่บอกว่า "ผมรักคุณ" นั้นมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือการแอบมองคุณโดย
ที่คุณไม่รู้ตัว (เพราะฉะนั้นแอบจับเขาให้ได้หล่ะ) แบบที่สองคือ จ้องมองคุณอย่าง
แน่วแน่ในระหว่างที่พูดคุยกัน

2. เขาตุนของโปรดของคุณไว้ในตู้เย็นหรือในครัวที่บ้านเขา
นั่นแสดงให้เห็นว่าเขานึกถึงแต่ความสุขของคุณอยู่เสมอก็ความสุขอย่างนึงของ
ผู้หญิงก็คือการกินยังไงหล่ะ ฉะนั้นลองสังเกตุเวลาที่เค้าไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์
เกตแล้วลองดูรายการที่เค้าหยิบ ถ้ามันมีแต่มัชเมโล คิตตี้แคท หรือโยเกริตรส
ชาติโปรดของคุณ มากกว่าของส่วนตัวของเขาหล่ะ ก็นั่นแหละสิ่งบอกความในใจ
หล่ะค่ะ และยิ่งไปกว่านั้นนะคะการ์ตุนของหมายถึงการประกาศให้คนรอบข้าง
หรือสาธารณชนรู้ถึงความสำคัญของคุณ ปกติแล้วผู้ชายที่ยังไม่ยอมลงหลักปักฐาน
กับใครจะไม่ค่อยซื้อของพวกเนี้ยไปเก็บไว้ที่บ้านหรอก ทำไมเหรอ
ก็กลัวสาวอื่นจะมาเห็นยังไงหล่ะ

3. เขาเริ่มพูดถึงอนาคต
ถ้าวันดีคืนดีเขาพูดกับคุณถึงเรื่องอีก 3 ปีข้างหน้า ชีวิตเค้าจะเป็นอย่างไร หรือ
เค้าอยากมีบ้านแบบไหน มันเป็นการบอกความนัยว่าเขาอยากร่วมชีวิตกับคุณ
อยากให้คุณวาดฝันที่จะได้ไปอยู่กับเขาหรือมีอนาคตที่เหมือนกับเขา และยิ่งถ้า
เขาถามความเห็นของคุณด้วยหล่ะก็ นั่นหมายถึงสัมพันธภาพของคุณไปได้อีกยาวแน่ๆ

4. เขาใส่เสื้อผ้าที่คุณซื้อให้ตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ผู้ชายใส่เสื้อผ้าที่เห็นได้ชัดว่าเค้าไม่ได้เป็นคนเลือกเองนั่นหมายถึงเขา
กำลังแสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยให้คุณเป็นผู้ควบคุมและเปลี่ยนแปลงโฉมให้เขา
มันถือว่าเป็นการแสดงออกที่กล้าหาญอย่างมากเชียวนะคะกับการที่จะถูกเพื่อนๆ
โสดของเขาล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัวที่เปลี่ยนไป

5. เขาชอบยืนเบียดไหล่กับคุณ
ผู้ชายถ้าไม่อยากให้สัมพันธภาพยืนยาวกับผู้หญิงมากนัก เค้ามักจะไม่ค่อยเดิน
คลอเคลีย แต่กลับเดินนำหน้า หรือเดินตามหลังคุณห่างๆ แต่ถ้าเค้าตกหลุมรัก
คุณจริงๆ แล้วหล่ะก็ การเดินเคียงบ่า เคียงไหล่กับคุณแสดงให้เห็นถึงความผูด
มัดของเขาด้วยการรักษาระดับสายตา ให้อยู่แต่ในที่ๆคุณจะเห็นได้ชัด รวมไปถึง
ยืนตัวติดกันด้วย

6. ยอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขา
อันนี้ถือเป็นปราการด่านสำคัญ ที่ทำให้คุณเจาะเข้าไปถึงเรื่องส่วนตัวสุดๆ ของ
เหล่าชายค่ะ ถ้าเขายอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขา นั่นแสดงว่าเขาไว้ใจคุณพร้อม
ที่จะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างกับคุณ ยอมให้คุณรุกล้ำเข้าไปสู่อาณาจักรส่วนตัว
เพราะโทรศัพท์ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในยามที่ผู้ชายมีแฟน การที่เค้า
ยอมยกสิทธิส่วนตัวอย่างเดียวที่เหลืออยู่นั้นให้คุณ แสดงว่าเค้ารักคุณแล้วจริงๆ
แต่วิธีทั้งหมดนี้ถ้าคุณผู้ชายทำให้กับคนไม่มีจิตใจก็ไม่เกิดประโยชน์น่ะ ไม่ต่าง
อะไรกับตำน้ำพริกละลายทะเล

Wednesday, December 26, 2007

หน้าใสด้วยไข่แดง

ตอกไข่ไก่ 1 ฟอง แยกใช้เฉพาะไข่แดง นำมาผสมกับน้ำมะนาวและตีให้เข้ากันจนเป็นครีม จากนั้นนำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และทาครีมบำรุงหน้าตามปกติ ควรทำ 2 ครั้ง/สัปดาห์ สูตรนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า
สูตรพอกหน้าฟื้นฟูผิวแห้ง

ใช้นมสด 1 ช้อนโต๊ะ ,ไข่แดง 1 ฟอง ,น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาและมายองเนส 1 ช้อนชา นำมาผสมให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที และล้างออกให้สะอาดผิวหน้าแห้งของคุณก็จะชุ่มชื้นขึ้น
ขจัดรอยหมองคล้ำของผิวกาย

ผสมน้ำมะนาว 1 ถ้วยกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ค่อยๆคนจนเข้ากัน หลังอาบน้ำและเช็ดตัว ใช้ปลายนิ้วแตะส่วนผสมทาผิวทั่วร่างกาย พร้อมใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเบาๆทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วอาบน้ำทำความสะอาดอีกครั้งเช็ดตัวให้แห้ง ผิวกายของคุณจะเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งคะ
เทคนิคการแต่งหน้า...แบบง่าย

การแต่งหน้าเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้หญิง เพราะทุกครั้งที่คุณเตรียมแต่งแต้มใบหน้าให้ดูสวยไปด้วยสีสัน คุณสามารถแต่งหน้าได้มากหรือน้อยแค่ไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ จะแต่งให้เป็นสาวหวาน สาวเปรี้ยว สาวเซ็กซี่ หรือสวยแบบใส ๆ ขึ้นอยู่กับการสร้างสรรค์จากฝีมือผู้แต่ง แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณจะต้องแต่งให้เหมาะกับตัวคุณและโอกาส ดังนั้นการแต่งหน้าคือวิธีที่จะทำให้ผู้หญิง สวยขึ้น และมีเสน่ห์มากขึ้น มาดูวิธีเพิ่มเสน่ห์ของคุณด้วยวิธีการแต่งหน้าแบบง่าย ๆ กันเถอะค่ะ...

เตรียมพร้อมก่อนแต่งหน้า

ควรเตรียมกระจกและอยู่ในที่มีแสงเพียงพอ รวมทั้งอุปกรณ์แต่งหน้าที่จำเป็น คุณอาจใช้ที่คาดผมหรือรวบผมขึ้น เพื่อจะได้แต่งหน้าได้สะดวก จากนั้นจึงล้างหน้าให้สะอาด ละควรใช้ม้อยส์เจอร์ไรเซอร์ทาก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง

ครีมรองพื้นปรับสีผิว

ควรใช้ครีมรองพื้นในกรณีที่คุณมีสีผิวที่ไม่เสมอกันเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งใบหน้าเพราะจะทำให้หน้าลอย เมื่อใช้ครีมรองพื้นเสร็จแล้วควรเกลี่ยทันทีเพราะรองพื้นประเภทนี้จะแห้งเร็วมาก และควรใช้ก่อนลงรองพื้นประเภทอื่น ๆ

ครีมรองพื้นปกปิดริ้วรอย

ครีมรองพื้นชนิดนี้จะช่วยพรางรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่าง ๆ บนใบหน้าได้ โดยเลือกสีให้เข้มกว่าสีผิวหนึ่งระดับแล้วแตะตรงบริเวณที่ต้องการปกปิด หลังจากนั้นจึงใช้ปลายนิ้ว เกลี่ยให้เนียน

ครีมรองพื้น

เลือกสีครีมรองพื้นให้ตรงกับสีผิวบริเวณคอ แตะครีมรองพื้นตรงบริเวณที่ไม่มีริ้วรอยก่อน แล้วค่อย ๆ เกลี่ยไล่ให้ทั่ว ระวังอย่าให้มีขอบบริเวณกรอบหน้า ควรเกลี่ยรองพื้นให้หายเข้าไปในไรผมรวมถึงบริเวณริมฝีปากด้วย

แป้งฝุ่นหรือแป้งแข็ง

ควรเลือกใช้แป้งฝุ่นชนิดโปร่งแสง เพราะจะไม่ทำให้สีของรองพื้นที่เลือกแล้วเปลี่ยนเป็นขาวขึ้นหรือคล้ำลง ใช้พัฟหรือแปรงด้ามใหญ่สุดจุ่มแป้งฝุ่นหรือแป้งแข็งแล้วเกลี่ยให้ทั่วบนใบหน้า

ดินสอเขียนคิ้ว

ควรหลีกเลี่ยงดินสอเขียนคิ้วสีดำ เพราะจะทำให้หน้าดูดุ และดูสูงวัย ควรใช้ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเพราะจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ควรเริ่มเขียนคิ้วจากหัวคิ้วเพราะจะทำให้คิ้วแข็งดูไม่เป็นธรรมชาติ ควรเริ่มเขียนห่างจาก หัวคิ้วประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วไล้ไปตามเส้นขนคิ้ว จากนั้น ใช้แปรงเกลี่ยหรืออาจแตะอายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยทับอีกครั้ง แล้วใช้แปรงเขียนคิ้วเกลี่ยย้อนมาทางหัวคิ้ว

อายแชโดว์

ควรแตะแป้งฝุ่นบริเวณใต้ตาก่อนทาอายแชโดว์ เพื่อป้องกันอายแชโดว์สีเข้มตกลงมาเลอะ ควรเริ่มทาตาโดยใช้อายแชโดว์สีอ่อน เช่น สีครีม สีชมพูอ่อน ทาให้ทั่วเปลือกตา ถ้าใส่เสื้อผ้าสีโทนร้อนควรใช้อายแชโดว์สีส้มเกลี่ยจากแนวหางตามาทางหัวตา แล้วใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยชิดแนวขอบตา เริ่มจากหางตาเข้ามากึ่งกลางตา ขอบตาล่างก็ควรทำเช่นเดียวกันเพื่อให้เกิดความสมดุลแห่งสีสัน แต่ถ้าใส่เสื้อผ้าสีโทนเย็นควรใช้อายแชโดว์สีชมพูหรือม่วง แล้วใช้อายแชโดว์สีน้ำเงินหรือสีเทาเกลี่ยชิดแนวขอบตา

ดินสอเขียนขอบตา

นิยมใช้ในการแต่งหน้างานกลางคืนเพื่อเน้นดวงตาให้คมขึ้น

มาสคาร่า

ควรดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่าทุกครั้ง

Saturday, November 03, 2007




หลังจากที่ใช้เวลาดูใจกันเพียงไม่นานในที่สุดเธอก็ตกลงแต่งงานกับเขา ชายผู้เป็นรักแรกของเธอในวันแต่งงาน ว่าที่สามีของเธอได้ซื้อตุ๊กตาคู่บ่าวสาว มามอบให้เป็นของขวัญด้วยความที่เธอเพิ่งได้รู้จักความรักมาเพียงน้อยนิดเธอจึงเข้าใจเพียงว่าสามีของเธอช่างเป็นคนโรแมนติกเสียจริง
แต่เนื่องด้วยความที่เธอยังไม่เข้าใจคำว่ารักและไม่ได้ใช้เวลานานพอ จึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยมากเพราะเธอเป็นคนที่เอาแต่ใจ สามีของเธอถึงจะเป็นคนที่มีเหตุผลมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ก็เป็นคนอารมณ์ร้อนทั้งคู่จึงทะเลาะกันรุนแรงมาก แต่เขาก็จะเป็นคนไกล่เกลี่ยให้เรื่องร้ายบรรเทาลงได้ทุกครั้งไปจนครั้งนี้ ด้วยความโมโห เธอได้ปัดตุ๊กตาคู่รักลงจากโต๊ะที่เคยมีทั้งสองยืนเคียงกันบัดนี้ตุ๊กตาทั้งสองกระจัดกระจายไปคนละทางเธอหยิบตุ๊กตาเจ้าสาวมาขวางใส่เขา ประกาศจะขอหย่ากับสามีเขากอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น แล้วเดินออกจาเรือนหอแห่งรักไปทั้งน้ำตาหลังจากพายุสงบลง หญิงสาวก็นั่งนิ่งแล้วร้องไห้่เธอเหลือบไปเห็นตุ๊กตาเจ้าบ่าวที่เหมือนจะนอนร้องไห้อยู่ที่พื้นเธอหยิบมันขึ้นมากอดอย่างเจ็บปวดที่สุดปากเธอพร่ำบอกรักเจ้าบ่าวของเธอร้อยพันครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆจากเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยเธอลุกขึ้น กอดตุ๊กตาเดินออกไปนอกบ้านตั้งใจจะออกไปตามหาเขา...คนรักเพียงคนเดียวของเธอแต่พอพ้นประตูบ้านไป ก็เห็นสามีของเธอนอนอยู่ที่ริมรั้วเขาหลับไปทั้งๆที่ยังกอดตุ๊กตาเจ้าสาวอยู่เธอจึงเข้าไปปลุกแล้วบอกว่า" ขอโทษนะจ๊ะ เพื่อนของฉันดูท่าทางเหงาเพื่อนของเธอก็ทำหน้าเศร้าจังเลยฉันจึงอยากจะขอเจ้าสาวจากเธอมาให้เพื่อนฉันเพื่อให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตลอดไป "เธอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแล้ว และเธอก็กำลังยิ้มเช่นกันมันเป็นช่วงเวลาที่เขาและเธอช่างสุขใจเหลือเกิน" ให้ไม่ได้หรอก ฉันมีเพียงแค่เธอคนนี้เท่านั้นเธออยู่ปลอบฉันทั้งคืนเลยถ้าให้เธอไปแล้วใครจะปลอบฉันล่ะแล้วเธอก็หัวเราะ " โธ่ ให้ฉันไม่ได้เหรอ แล้วฉันจะคอยปลอบเธอเองเถอะนะ ฉันซื้อก็ได้ เท่าไหร่ฉันก็จะซื้อให้ได้ "" ถ้าความรักมันซื้อขายกันได้ง่ายๆก็ดีน่ะสิ " เขาตอบ" ถึงยังไงฉันก็คงขายให้ไม่ได้หรอก เพื่อนฉันคนนี้มีค่าสำหรับฉันมากเพราะเธอนำพาคนที่ฉันรัก กลับมาหาฉันอีกครั้ง "หญิงสาวตื้นตันใจจนน้ำตาไหลลงมา " จะพอมั้ยถ้าฉันจะจ่ายแสนกอด ล้านจูบและความรักที่ไม่มีวันหมดไป "" กลับบ้านด้วยกันนะ …"เวลาทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกไม่พอใจซึ่งกันและกันในช่วงเวลานั้นส่วนของโทสะจะมีมากกว่าความรักยิ่งหากเธอโยนความรักทิ้งไป มันก็จะเหลือเพียงความโกรธความไม่พอใจเท่านั้นเองและเพราะเธอโยนความรักทิ้งไป เธอจึงลืมไปว่าั้นถึงแม้ตอนที่ทะเลาะกัน จะโกรธ เกลียด ด่าว่ายังไงงเวลานั้นเราก็ยังรักกันอยู่ ที่ทะเลาะก็เพราะรักไม่ใช่เหรอทำไมไม่กอดความรักเอาไว้เธอจะเข้าใจความหมายของการทะเลาะกันทะเลาะกันก็เพราะว่ารักมาก แต่ไม่เข้าใจกันเพราะเธอโยนความรักทิ้งไปในตอนที่ทะเลาะกันเธอจึงกล้าจะบอกเลิกได้เพราะความรักที่เธอเคยมีมากมายอยู่บนพื้น ไม่ได้อยู่ในใจของเธอ่และเธอจะเจ็บปวดที่สุดเมื่อเก็บความรักบนพื้นกลับมาใส่ในใจเธออีกครั้ง...ดีใจทุกครั้งที่ได้ทะเลาะกันเพราะรู้ดีว่าคนที่กำลังด่าว่าฉันอยู่เธอทำเพราะว่ารักฉัน รู้ดีว่าเมื่อปัญหาจบลงความเข้าใจจะเพิ่มขึ้นความรักก็เหมือนกัน เคยสังเกตมั้ยว่าเราจะรักกันมากขึ้น ถ้าได้ทะเลาะกัน

Friday, October 19, 2007



ความคิดถึงเป็นส่วนหนึ่งของความรัก


ความคิดถึงเป็นส่วนหนึ่งของความรัก

แน่นอนความรักยังต้องมีส่วนประกอบอื่นๆอีกมาก

แต่ความคิดถึงมักจะมาก่อนเสมอ


หลายคนบอกฉันว่า เพราะรัก จึงหวง

หลายคนบอกฉันว่า เพราะรัก จึงห่วง

หลายคนรวมเอาความหวง เข้าไว้กับความห่วงซึ่งฉันไม่เห็นด้วย


รักคือ "ความห่วงใย" ในทุกย่างก้าวคืออาทรและใส่ใจ

รักคือ "ความห่วงใย" ไม่ว่าจะทำอะไรให้คำนึงถึง

แต่รักไม่น่าจะใช่ "หวงหึง"

ไม่น่าจะต้องเป็นถึงขนาดนั้น


รักคือ คิดถึง และใจถึงกัน ก็พอ

"หึง" ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับรักเลย

"หึง" คือความรู้สึกคับแคบและเห็นแก่ตัว

"หึง" คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ความรักไม่ราบรื่นสวยงาม


หากรักกัน ทำดีต่อกัน ยิ้มให้กัน

และมีความสุขเมื่อคนที่เรารักมีความสุข

ไม่ว่าเขาจะเลือกมีความสุขวิธีไหน

หากเธอทำบ้านของเธอให้เป็นบ้านที่อบอุ่น

คนที่เธอรักคงไม่อยากเดินออกไปจากชีวิตเธอ

หากเธอมีความสุข

หากเธอทำให้สิ่งรอบๆ ตัวมีความสุขสวยงาม

ความรักไม่ต้องการข้อกำหนดอะไรเกินกว่านี้เลย

ความคิดถึงเป็นส่วนหนึ่งของความรัก......ฉันเชื่อ


ความรู้สึกพิเศษ


ความรัก ไม่ควรเป็นการผูกมัด

รัก.....ไม่ได้หมายถึงการเป็นเจ้าของ

รัก......ไม่ได้หมายถึงการขาดสติไตร่ตรอง

รัก.......แล้วไม่ควรให้ร้อนรุ่มกลัดกลุ้มใจ


รัก.......เป็นความรู้สึกพิเศษ

รัก.......คือความรู้สึกดีๆและมีสติ

รัก.......ไปเถอะถ้ารักแล้วใจอุ่น

รัก.......ไปเถอะถ้ารักแล้วไม่ว้าวุ่น

รักไปเถอะ ถ้ารักแล้วหมายถึงความรู้สึกดี



จำไว้ว่า รัก คือการให้ ...ไม่ใช่ตั้งความหวัง

รัก......ไม่ได้หมายถึงการเรียกร้อง

รัก.....แล้วไม่ทำให้น้ำตานอง

รัก......เป็นเรื่องของสองเราเท่านั้นพอ

ให้รักเป็น ความรู้สึกที่ิพิเศษและมีชีวิตชีวา

ให้รักเป็น แววตาที่สดใส

ให้รักนี้เป็นรักที่ไม่อ่อนไหว

หากแต่เป็นความอบอุ่นในใจและเอื้ออาทร



เพียงเท่านี้.....

รักนัั้นจะคงอยู่และงดงามตลอดไป

ในใจเธอชั่วนิรันดร

Friday, August 31, 2007

หน้ากากแห่งรัก
ปัญหาส่วนใหญ่ที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ คือ เวลา...เวลานั้นไม่เคยหยุดนิ่ง ความรู้สึกแรกรัก จึงมักเปลี่ยนไป เมื่อเวลาผ่านไป เพราะคนเรา หนีธาตุแท้ของตัวเองไม่พ้น ไม่นานสิ่งที่ซ่อนไว้ของตัวเราจากสายตาคนอื่น ก็จะปรากฏออกมา...

ความสัมพันธ์ ของคน 2 คน จะยืดยาวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ ความเป็นตัวของตัวเอง อย่างที่เป็น... แสดงออกให้กันและกันเห็นให้มากที่สุด ในตอนเริ่มแรก เพื่อดูว่าอีกฝ่ายรับที่เราเป็นเราได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ด้วยการพยายามเป็นอะไรที่ไม่ได้เป็น...

เพราะเมื่อเวลาผ่านไป...และความจริงปรากฏ ทุกสิ่งจะมีอันต้อง จบลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็นภาพลักษณ์นั้น อาจสำคัญ เพราะมันทำให้ตรึงตาต้องใจ และดึงดูด ฝ่ายตรงข้าม แต่

ภาพลักษณ์ ที่ถูกปรุงแต่ง... นั้นไม่ดีเลย...มันทำให้เกิดความรู้สึกดีๆในช่วงแรกเพียงเท่านั้น สุดท้าย เมื่อทุกอย่าง ที่เป็นเรา เปิดเผย การไม่ยอมรับก็มักจะตามมา

ความจริง ข้าพเจ้าเคยบันทึกไปแล้วว่า ความเป็นจริงในชีวิตบางครั้งมันดูเพี้ยน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนผิดเพี้ยนไปจากที่หวัง ผิดเพี้ยนไปจากที่ฝัน สีผิดเพี้ยน รูปทรงผิดเพี้ยน ทุกอย่างเพี้ยนไปหมด แต่นั่นล่ะ เสน่ห์ของมัน เสน่ห์ของความเป็นจริง ไม่ต้องมีอะไรมาแต่งเติม ไม่ต้องพยายาม ทำให้มันดีเลิศ ความเป็นจริง ดำเนินไปในรูปแบบของมันเอง อย่างที่มันเป็น...

แต่คนเรามักหลีกเลี่ยง ความจริง เพราะความกลัว... กลัวว่าจะไม่เป็นอย่างที่หวัง อย่างที่ฝัน

บางครั้ง คนที่โดนหลอก ไม่ใช่ว่าคนๆนั้นไม่รู้ แต่...ยอมให้หลอก เพื่อ ค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง ยอมแม้กระทั้งให้ความจริงใจกับอีกฝ่ายก่อน เพื่อสุดท้ายก็ได้คำตอบที่ รู้อยู่แล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นเพียงภาพลวงตา

แต่ก็อย่างว่า คนเรามักชอบอยู่ในจินตนาการ มากกว่าจะยอมรับ และเปิดใจ กับความจริง เพราะอะไร...เพราะสิ่งที่คนเรารับรู้มักถูกแต่งเติมด้วย จินตนาการของ ตัวผู้รับรู้เอง ความหมายที่แท้จริงจึงผิดเพี้ยน

ครั้นจะให้ผู้บันทึกหรือข้าพเจ้า บอกไปตรงๆ ผู้อ่าน ก็คงไม่ได้รับอะไรกลับไปคิดเลย ซึ่งมันก็จะกลายเป็นแค่


คำพูดคำบ่นบ้าๆบอ
ของคนเพี้ยนๆคนนึง เพียงเท่านั้น....

Thursday, August 30, 2007

สัมผัสอันอ่อนโยน หมายถึงอะไร

มันหมายถึงการมีความรู้สึกนุ่มนวลกับสรรพสิ่ง กับผู้คนรอบข้าง กับสิ่งที่เราจับต้องและสัมผัส ไม่ใช่เพราะสิ่งต่างๆเหล่านั้นเป็นของท่าน แต่เพราะท่านเห็นความงามอันเป็นพิเศษของสิ่งต่างๆเหล่านั้น

ดอกไม้มีความสวยงามตามธรรมชาติ เมื่อท่านสัมผัสความงาม ด้วยสายตาของท่านก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะดื่มด่ำกับความงามนั้น แล้วทำไมเราต้อง เด็ดทึ้งดึงกระชากดอกไม้ดอกนั้นออกมาจากต้น เพียงเพื่อได้สัมผัสมันเพิ่มขึ้นอีกหน่อยแค่นั้นเองหรือ

หากในโลกนี้เหลือดอกไม้อยู่เพียงดอกเดียว ท่านจะเด็ดดอกไม้ดอกนั้น เพียงเพื่อเก็บไว้ชื่นชมคนเดียวอย่างนั้นหรือ ท่านไม่อยากเผื่อแผ่ความงามที่จะปรากฏต่อสายตาของผู้อื่นบ้างหรือ...เมื่อท่านสัมผัสถึงสิ่งต่างๆอย่างลึกซึ้ง ท่านย่อมไม่ทำลาย ไม่ทำร้ายสิ่งต่างๆ หรือผู้อื่น นั่นคือความอ่อนโยน และความรักอย่างจริงใจต่อสิ่งต่างๆเหล่านั้น

แต่เราให้ความหมายแก่ความรักกันอย่างไร หากท่านรักคนๆหนึ่งเพราะเขารักท่าน นั่นไม่ใช่ความรัก ความรักเป็นความรู้สึกอันพิเศษที่มีต่อผู้อื่น โดยปราศจากการเรียกร้องสิ่งใดๆตอบแทน นั่นหล่ะ
สัมผัสอันอ่อนโยน ที่ทำให้เกิดความรักที่แท้จริง
รัก คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน

รัก คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน จริงเหรอ ที่ไม่หวังอะไรเลย ถ้าอย่างนั้น...

คุณเสียใจทำไม เวลาที่เขาไม่มาหา เพราะคุณหวังว่า...เขาจะมา
คุณเสียใจทำไม เวลาที่เขาห่างเหิน เพราะคุณหวังว่า...เขาจะเอาใจใส่
คุณเสียใจทำไม เวลาที่เขามีคนใหม่ เพราะคุณหวังว่า...เขาจะเป็นของ
คุณคนเดียวคุณเสียใจทำไม เวลาที่เขาไม่รัก เพราะคุณหวังว่า...เขาจะรัก

มีใครบ้างที่รักแล้ว ไม่ต้องการให้...เขามาดูแลเอาใจใส่
มีใครบ้างที่รักแล้ว ไม่ต้องการให้...เขามีแต่คุณคนเดียว
มีใครบ้างที่รักแล้ว ไม่ต้องการให้...เขารักคุณบ้างเลยสักนิด

"ขอเพียงแค่นี้" / "เท่านี้ก็พอ" / "ชั้นไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้"
เหล่านี้เป็นกำแพงที่เราสร้างขึ้น เพื่อยับยั้งความต้องการของเราเอง
การยับยั้งความต้องการ มันเป็นความทรมานจากการห้ามความรู้สึกตัวเอง
หลอกตัวเองว่าอย่ารักมากไปกว่านี้เลย ทั้งๆที่ความจริงก็รักไปแล้วหมดหัวใจ

รักและคิดถึง เมื่อรักแล้วก็ต้องคิดถึง
เวลาที่คิดถึง คุณมีความสุขหรือเปล่า
ความคิดถึงกับความโหยหา ต่างกันตรงไหน?
เวลาที่ชั้นคิดถึงใคร ชั้นแอบคิดเสมอว่าเขาจะคิดถึงชั้นอยู่บ้างไหม

"ความรัก" เหมือนกาแฟ ขมแต่ก็อร่อย
"ความรัก" เหมือนกุหลาบ สวยงามแต่ก็มีหนามแหลม
"ความรัก" เหมือนสายลม พัดมาเย็นสบาย แล้วก็จากไป
"ความรัก" เหมือนเปลวเทียน สว่างไสว ร้อนแรงแต่สุดท้ายก็เผาตัวเองจนหมดไป

จริงเหรอที่...รัก คือ การให้...โดยไม่หวังผลตอบแทน
แรงเฉื่อยของความรัก

ใครหลายคนรักแล้ว แรกเริ่ม ก็มีแรงผลักดันให้ทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย จนดูเหมือนทุกสิ่งที่ทำ แค่ เธอ กับ ฉัน เท่านั้น

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป แรงผลักดันต่างๆนั้นก็ลดน้อยถอยลง เหมือนมีแรงต้านอย่างอื่น มาทำให้เราต้องกระเด้งกระดอนไปที่อื่น จนลืมว่ามี เธอ...

พอนานวันเข้า แรงผลักดันก็กลายเป็นแรงเฉื่อย เฉยชา ใส่กัน ไม่กระตือลือร้นที่จะรักกันเหมือนแรกเริ่มปล่อยให้ความรัก ดำเนินไปตาม ยถากรรม

ล่วงเลยไป จนแรงเฉื่อย หมดลง แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ทั้งความรัก ความเอาใจใส่ อย่างที่คนรักควรจะทำเมื่อแรงหมดลง ทุกสิ่งก็จบลง...ไปด้วย

หากข้าพเจ้าจะเปรียบ ความรักเหมือนการปั่นจักรยาน...จะผิดมั้ย ที่บางครั้ง ทางที่เราปั่นไป มีทั้งทางขึ้นที่สูงชันและทางลง ที่ลาดชัน...

เมื่อต้องปั่นขึ้นทางที่สูงชัน แรกเริ่ม ดั้นด้นปั่นอย่างไม่ลดละ เพื่อขึ้นไปให้ถึงจุดหมาย พอถึงจุดหมาย แรงที่ใช้ปั่นก็แผ่วลงจนราบเรียบ...ไม่ต้องพยายามมากนัก แต่ยังต้องปั่นเพื่อเดินหน้าแต่พอนานเข้า ทุกสิ่งเหมือนทางลงที่ลาดชัน ไม่ต้องปั่น มีแต่คอยเบรคเพื่อชลอ จนบางทีหยุดนิ่ง หรือบางคน ปล่อยให้มันดิ่งลงเร็วเกินกว่าจะควบคุมได้ สุดท้าย ก็...หยุดไม่อยู่

ความรัก...ควรมีแรงผลักดันด้านอารมณ์อยู่เนืองๆเพราะมันทำให้เรารู้ว่า เราควรดำเนินความรักไปอย่างไรไม่ใช่ ปล่อยให้มันกลายเป็นแรงเฉื่อย ที่สุดท้ายหมดลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น...

วันที่บอกรักครั้งแรก...จำได้มั้ยว่า เลือดสูบฉีดเข้าออกที่หัวใจแรงขนาดไหนจำมันไว้ซิ...อย่าให้ความเฉยชา กลายเป็นสิ่งอุดตันเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจจนทำให้มันหยุดเต้น...
รักหล่อเลี้ยง ดวงฤทัย ให้ชุ่มชื่น
รักทำให้ ตัวเราตื่น จากฝันร้าย
รักใช่เพียง แค่มีคน ที่ข้างกายแต่
รักต้อง ให้หัวใจ ใกล้ชิดกัน
สองเป็นหนึ่ง เฝ้าอิงแอบ แนบชิดใกล้
รวมดวงใจ เฝ้าดูแล อย่างแข็งขัน
คอยถนอม ซึ่งความรัก กันและกัน
ไม่แปรผัน กลายเป็นรัก มิรู้ลืม
ใจสองใจ ต่างที่ ต่างทางมา
ลิขิตพา ให้มาคบ พบกันได้
เฝ้าเพียรถาม เฝ้าคอยบอก รักหมดใจ
อย่าให้ใคร ต้องหมางเมิน เกินทานทน
ความรู้สึก อารมณ์รัก นั้นบางเปราะ
เพียงกระเทาะ อาจแตกหัก เกินประสาน
จงดูแล รักษา รัก ให้เนิ่นนาน
ใช่คอยผลาญ อารมณ์ใจ มิใยดี

Saturday, August 25, 2007

JAMES MORRISON
TITLE:YOU GIVE ME SOMETHING
ALBUM:UNDISCOVERED
You only stay with me in the morning
You only hold me when I sleep
I was meant to tread the water
Now I’ve gotten in too deep
For every piece of me that wants you
Another piece backs away


Coz you give me something
That makes me scared airight
this could be nothing but I’m willing
to give it a try
Please give me something coz some day
I might know my heart


You only waited up for hours
Just to spend a little time alone with me
Like I said, I’ve never bought you flowers
I can’t thought I’d love someone
That was someones else ‘s dream….

Coz you give me something
That makes me scared alright
This could be nothing but I’m willing
to give it a try
Please give me something coz some day
I might know my heart

But It might be a second too late
The words that I could never say
Are gonna come out anyway

ในเช้านี้มีเธอเพียงคนเดียวที่อยู่กับฉัน
เธอเท่านั้นที่กอดฉันไว้ตอนที่ฉันหลับ
ราวกับฉันถูกพยุงตัวในน้ำ
ตอนนี้ฉันซักจะถลำลึกไปซะแล้ว
ทุกสิ่งในตัวฉันต้องการเธอ
แต่อีกส่วนหนึ่งของฉันนั้นกลับรู้สึกสวนทาง


เพราะเธอได้มอบอะไรบางอย่างให้กับฉัน
ที่มันทำให้ฉันหวั่น
นี่มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ แต่ฉนปรารถนา
จะลองมันดูสักครั้ง
ได้โปรด มอบอะไรสักอย่างกับฉัน เพราะสักวัน
ฉันอาจจะเช้าใจหัวใจของฉัน

เธอตื่นคอยอยู่เป็นชั่วโมงๆ
เพียงเพื่อเข้าใช้เวลาอันน้อยนิดกับฉันลำพัง
อย่างที่ฉันเคยบอก ฉันไม่เคยซื้อดอกไม้ให้เธอ
ฉันคิดไม่ออกว่ามันจะเอาไปทำอะไร
ฉันไม่เคยคิดเลย ว่าฉันจะรักใครสักคน
นั่นมันคือฝันของคนอื่นต่างหาก

เพราะเธอได้มอบอะไรบางอย่างกับฉัน
ที่มันทำให้ฉันหวั่น
นี่มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ แต่ฉันปรารถนา
จะลองมันดูสักครั้ง
ได้โปรด มอบอะไรสักอย่างกับฉัน เพราะสักวัน
ฉันอาจจะเข้าใจหัวใจของฉัน

แต่มันอาจจะสายไปนิดหน่อย
คำที่ฉันไม่เคยพูด
ก็จะพูดออกมาอยู่ดี
ความรักแบบไหนที่ทำให้เราสดใสวิ๊งวิ๊ง


รูปแบบความรักของแต่ละคนช่างแตกต่างกันเสียนี่กระไร ลองสำรวจตัวเองก่อน ว่าเราอยากมีความรักแบบไหน จะได้สร้างภูมิคุ้มกันให้รักของเราปลอดภัยหายห่วง


-อยากมีความรักแบบที่ไม่ต้องการอะไร ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันจับมือหนุงหนิง หรือแค่มองตากัน ปิ๊งๆๆ ก็มีความสุขที่สุดแล้วไม่ขอมีอะไรมากกว่านั้น
-อยากมีความรัก และอยากมีอะไรๆกับคนที่เรารักด้วยแต่ไม่อยากคิดโรค ไม่อยากท้อง
-อยากมีความรักกับเพศเดียวกัน แต่บางครั้งก็ไม่แน่ใจ ว่าเป็นไปได้จริงไหมแล้วต้องระวังเรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า หรือว่าสักวันจะเปลี่ยนใจไปรักเพศตรงข้ามได้ไหม
รักใสใสหัวใจไร้กังวล


ความรักมักเป็นเรื่องแปลก บางครั้งไม่ได้อยากมีไม่ได้โหยหา อยู่เฉยๆ ก็มาจู่โจมซะอย่างนั้น แต่บางครั้งอยากมีความรักแทบตาย ทำยังไง ก้ไม่มา แถมเวลามีความรักแต่ละที ความเป็นตัวเองก็หดหายไปด้วย เงื่อนไขหรือนิยามของความรักแต่ละคนก็ต่างกันคนนี้ชอบแบบนั้น คนนั้นชอบแบบนี้ อีรุงตุงนังกันไปหมด เพราะความชอบ ไม่ชอบเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ เหมือนกับความรักนั่นแหล่ะที่มีได้หลายแบบขึ้นอยู่กับความคิด ความเชื่อ ความชอบ และการเลี้ยง ดูของแต่ละครอบครัว แต่ไม่ว่าเป็นยังไง เราก็คงอยากมีความรักที่สดใส ปลอดภัยหายห่วงใช่ไหมล่ะ